เจอร้านสำหรับดินเนอร์ที่ถูกใจ จนต้องขอบอกต่ออีกหนึ่งร้าน นั่นก็คือ Jones The Grocer (โจนส์ เดอะ โกรเซอร์) ร้านอาหารสัญชาติออสซี่ ที่เปิดมายาวนานตั้งแต่ปี 1996 ขยายสาขามาก็หลายที่ทั้งในประเทศออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ ส่วนสาขาแรกในประเทศไทยอยู่ที่ห้างดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้น G โซนเดียวกับกูร์เมต์มาร์เก็ตค่ะ เราเจอร้านนี้จากการค้นหาผ่านแอพจองร้านอาหารที่ชื่อว่า Eatigo กดเข้าไปเจอราคาลด 50% จองทันทีแบบไม่ปรึกษาคนข้างๆ เลยค่ะ เธอต้องกิน! มันลดราคา! ฉันเลือกแล้ว! 

ปกติเวลาจองผ่าน Eatigo ถ้าเป็นช่วงเวลาที่อยู่ในมื้ออาหารปกติจะลดไม่เยอะ ประมาณ 10-20% แต่ถ้าไปตอนบ่ายหรือค่ำๆ หน่อย ช่วงที่ไม่ค่อยมีลูกค้า ร้านส่วนใหญ่จะมีโปรโมชั่นลดเยอะๆ แบบนี้มาล่อตาล่อใจ อย่างวันนั้นที่ได้ลด 50% เรากับแฟนจองตอน 21.00 น. กินมื้อเย็นดึกหน่อยเพราะมัวแต่ทำงานติดพันกันทั้งคู่

เมนูของร้านมีสัดส่วนของคาวกับของหวานพอๆ กันเลย เขาภูมิใจนำเสนอทั้งสองอย่าง แต่กว่าเราจะกินมื้อหลักเสร็จ ก็ได้เวลาปิดร้านพอดี เลยยังไม่ทันได้ลองของหวานเลย ไว้มีโอกาสจะกลับมาใหม่แน่นอน

มื้อนี้เราสองคนเลือกจานหลักกันคนละอย่างและสั่งสลัดมาเป็นจานกลาง เน้นเมนูเนื้อๆ ผักๆ หน่อย พยายามหลีกเลี่ยงแป้งค่ะเพราะดึกแล้ว เหมือนจะรักสุขภาพนะ แต่สั่งแอลกอฮอล์กันคนละขวดจ้ะ ฮ่าๆๆ 

เราเลือก Zeffer Crisp Apple ไซเดอร์จากนิวซีแลนด์ (195 บาท) แอลกอฮอล์ไม่สูงมาก รสชาติดื่มง่ายดีค่ะ ไม่ผสมน้ำตาล แต่ใช้ความหวานอ่อนๆ จากผลไม้แท้นำไปหมักกับยีสต์ ส่วนแฟนสั่งคราฟท์เบียร์ Coopers Original Pale Ale (175 บาท) หน้าตาดูใสแจ๋ว แต่รสเข้มทีเดียวและมีกลิ่นฮ็อปชัดเจน มีจิงโจ้กระโดดหราอยู่บนขวดขนาดนี้ แน่นอนว่าเป็นเบียร์ออสเตรเลียค่ะ

จิบเครื่องดื่มไปสักพัก สลัดก็มาเสิร์ฟ เป็นสลัดง่ายๆ แค่ผักร็อกเก็ตกับพาเมซานชีสราดด้วยน้ำสลัดบัลซามิก (150 บาท ลดเหลือ 75 บาท) หน้าตาธรรมดาแต่อร่อยกว่าที่คิด ร็อกเก็ตไม่ขมเลย พาเมซานชีสแผ่นหนาใส่มาแบบตู้มๆ ถึงรสถึงเครื่องไม่มีหวงวัตถุดิบ

จานต่อมาคือ Spiced Grilled Tiger Prawn (495 บาท ลดเหลือ 247 บาท) กุ้งลายเสือย่างเสิร์ฟคู่กับส้มตำรสชาติขายฝรั่ง กลมกล่อมแบบประนีประนอม ไม่สาแก่ใจอีช้อยสักเท่าไรนัก แต่กุ้งลายเสือสดมาก เนื้อหวานเด้ง ย่างมาสุกกำลังดี สมแล้วที่ชูจุดร้านเรื่องความสดใหม่ของวัตถุดิบ เชฟที่นี่ถนัดเรื่องการเล่นกับไฟค่ะ ควบคุมระดับความสุกของอาหารได้ดีมากๆ

ไฮไลท์ของมื้อนี้มาแล้ว! Black Angus Strip Loin ขนาด 200 กรัม (595 บาท ลดเหลือ 297 บาท) ถ้ามากันหลายๆ คนและชอบกินเนื้อมากจะสั่งเป็นขนาดหนึ่งกิโลกรัมก็ได้ค่ะ เนื้อที่ใช้ส่งตรงมาจากออสเตรเลียประเทศบ้านเกิดของร้านอาหารแห่งนี้ เป็นเนื้อวัวขนสีดำสายพันธุ์แองกัส จุดเด่นของสายพันธุ์นี้คือมีไขมันแทรกในกล้ามเนื้อเยอะ ทำให้เนื้อนุ่ม สีสวย รสชาติดี ประเทศที่ผลิตเนื้อวัวส่งออกจึงนิยมเลี้ยงกันมาก 

เมนูนี้เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด ซอสมะเขือเทศ สลัดร็อกเก็ต (อ้าว! ซ้ำกับที่สั่งมาแล้ว) และมีซอสสเต็กให้เลือกสามชนิด mushroom, green peppercorn และ smoked hollandaise พนักงานรับออร์เดอร์เขาไม่ใช้ภาษาไทยนะคะ เลยลงชื่อเป็นภาษาอังกฤษไว้ให้ค่ะ เราเลือกเป็น Mushroom sauce เสิร์ฟมาเป็นถ้วยเล็กๆ มีความครีมมี่สูง รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม เลือกความสุกแบบมีเดียมแรร์ เนื้อสีชมพูสวยและนุ่มละมุนลิ้นมาก 

มื้อนี้บิลออกมา 990 บาท (หักส่วนลดค่าอาหารไป 620 บาท) มี Service Charge 10% รวมแล้วจ่ายไป 1,089 บาทค่ะ พนักงานบริการดีทีเดียวสุภาพและกระตือรือร้น ทำเลที่ตั้งเดินทางสะดวก เปิด-ปิดตามเวลาห้าง 10.00 – 22.00 น. บรรยากาศร้านตกแต่งด้วยโทนสีเข้มเรียบๆ สไตล์โมเดิร์น สามารถพาแขกมาเลี้ยงมื้อพิเศษได้แบบสบายๆ ค่ะ สำหรับคนที่ชอบทำอาหารกินเอง เขามีเครื่องปรุงและวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมจากต่างประเทศขายด้วยนะ

pondjaa

ปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระและรับสัมภาษณ์บุคคล หลงใหลการอ่านหนังสือ ชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม สนใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ สนุกกับการดูซีรี่ย์และทดลองสูตรอาหารใหม่ๆ เมื่อมีเวลาว่าง