fbpx
READING

คิชิโจจิ (Kichijoji) โตเกียว ย่านฟรุ้งฟริ้งน่าเดิน...

คิชิโจจิ (Kichijoji) โตเกียว ย่านฟรุ้งฟริ้งน่าเดิน เพลินเช้าจรดค่ำ

 

แรกเริ่มเดิมทีฉันคิดอยากมา คิชิโจจิ (Kichijoji) เพราะที่นี่เป็นทางผ่านก่อนไปถึงจิบลิมิวเซียม (Ghibli Museum) สถานที่จัดแสดงผลงานของสตูดิโออะนิเมะชื่อดังระดับโลกที่หลายคนชื่นชอบ จัดโปรแกรมไว้เสร็จสรรพว่าตอนเช้ามาเดินเล่นในสวนอิโนะคาชิระ (Inokashira park) กินข้าวเที่ยงแถวสวนแล้วค่อยไปมิวเซียม จากนั้นช่วงเย็นจึงกลับมาเก็บตกเดินเล่นในย่านการค้า ก่อนจะนั่งรถไฟกลับเข้าตัวเมืองโตเกียว 

Advertisements

สุดท้ายฝันสลายจ้ะ…

จิบลิมิวเซียมปิดปรับปรุงช่วงเดือนพฤษภาคม 2016 ที่ฉันไปเยือนโตเกียวพอดี แต่ไหนๆ ก็แพลนทริปมาอยู่โตเกียวตั้งสิบวัน มีวันว่างเหลืออยู่แล้ว เลยตัดสินใจมาแค่คิชิโจจิก่อนละกัน คราวหน้าถ้ามีโอกาสหวังว่าคงได้เจอกันสักทีนะจิบลิ พลาดมาสองครั้งแล้ว!

muji cafe_kichijoji 02

ฉันเริ่มต้นทริปวันนี้ที่ Cafe & Meal MUJI ถ้าใครเป็นแฟนของแบรนด์นี้อยู่แล้วอย่าลืมมาเช็กอินกันนะคะ คาเฟ่มูจิอยู่ชั้นบนของห้าง Marui Kichijoji ขายทั้งอาหารคาวแบบเป็นเซ็ตและของหวาน ราคาไม่แพงมาก อาหารชุดมีสองแบบ เลือกกับข้าวสามอย่าง 850 เยน เลือกกับข้าวสี่อย่าง 1,000 เยน เพิ่มเครื่องดื่ม 200 เยน เพิ่มซุปมิโซะ 150 เยน หรือเปลี่ยนข้าวธรรมดาเป็นข้าวธัญพืชเพิ่ม 100 เยน ส่วนของหวานอยู่ที่ประมาณ 380 – 500 เยน เท่าที่สังเกตดูคนส่วนใหญ่จะสั่งอาหารเซ็ตกัน

muji cafe_kichijoji 01

แต่ฉันเพิ่งกินข้าวเช้ามายังอิ่มตื้ออยู่ เลยสั่งเป็นเจลลี่รสชาโปะซอฟท์ครีม (450 เยน) กับชาเย็น (200 เยน) จืดๆ ขมๆ คล้ายชาที่อาม่าชงไหว้เจ้าเลยค่ะ เมนูไม่มีภาษาอังกฤษเลยเลือกผิดๆ ถูกๆ ตัวซอฟท์ครีมเข้มข้นอร่อยดีหวานมันหอมกลิ่นนม ส่วนเจลลี่จืดๆ ขมๆ รสชาติเดียวกับชาเย็นที่สั่งมา ข้อดีของที่นี่คือมีปลั๊กให้ชาร์จไฟด้วย และตกแต่งร้านโล่งโปร่งสบาย เรียบๆ แต่ดูดีสไตล์มูจิเขาล่ะ 

เติมพลังเรียบร้อยได้เวลาออกลุย อื้อหือ! เห็นร้านรวงต่างๆ แล้วตาลุกวาว ข้าวของในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ท้องถิ่นที่ราคาไม่แรงมาก ถ้าใครชอบเสื้อผ้าแนวแม่บ้านญี่ปุ่น วินเทจนิดๆ สีคุมโทนหน่อยๆ เน้นใส่สบายไม่ต้องหรูหรามาก กำเงินมาถลุงให้เต็มที่เลยค่ะ แต่เราต้องอดใจเดินผ่านร้านเสื้อผ้าไปก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาช้อปปิ้งให้หนำใจช่วงเย็น

inokashira park 08

inokashira park 09

inokashira park 11

ตอนนี้ขอไปเดินเล่นสวนอิโนะคาชิระ (Inokashira park) ก่อนนะ หากอยากสัมผัสวิถีชีวิตของชาวโตเกียว แนะนำว่าให้มาวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ เพราะที่สวนอิโนะคาชิระจะคึกคักมีสีสันมากเป็นพิเศษ มีสตรีทโชว์ทั่วสวนให้ชมกันแบบฟรีๆ และมีคนนำสินค้าทำมือมาวางขายด้วย พ่อแม่พาลูกเด็กเล็กแดงมาวิ่งเล่นเต็มไปหมด คู่รักหนุ่มสาวที่ควงแขนกันมาเดทก็เยอะมากเช่นกัน เดินกระซิบกระซาบชี้ชวนกันชมดอกไม้ใบหญ้า ถีบเรือเป็ดกันคิกคักๆ จู๋จี๋กันออกนอกหน้า งานนี้ใครมาคนเดียวมีเปลี่ยวนะคะ 

inokashira park 10

inokashira park 07

inokashira park 06

inokashira park 03

สวนสาธารณะขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นสถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงไม่น้อยหน้าสวนอื่นๆ ในโตเกียว และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงทั้งสวนก็จะสวยสะพรั่งไปด้วยใบไม้สีเหลืองสลับแดง ส่วนช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ฉันมา ไม่มีอะไรเป็นไฮไลท์ให้ดูเท่าไรค่ะ แต่ก็เขียวชอุ่มสดชื่นสบายตาสบายใจดี

inokashira park 01

inokashira park 04

inokashira park 02

ระหว่างเดินจากสถานีรถไฟไปที่สวนจะมีร้านขายอาหารตลอดทาง สามารถซื้อไปนั่งปิกนิกในสวนได้ มีดนตรีสดเพราะๆ ให้ฟัง รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเด็กๆ ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่ชาวโตเกียวพากันโหวตให้ที่นี่เป็นอันดับต้นๆ ของย่านที่อยากมาใช้ชีวิตอยู่

สำรวจสวนสาธารณะจนทั่วแล้ว ฉันก็เดินตามป้ายบอกทางและข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อไปยังสวนสัตว์อิโนะคะชิระค่ะ สัตว์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของที่นี่คือ ‘คุณยายฮานาโกะ’ ช้างไทยวัย 69 ปี ทูตสันถวไมตรีที่เพิ่งล้มไปเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2559

ฮานาโกะในวัยเด็ก

คนที่มาต่อแถวรอชมฮานาโกะ

คนที่มาต่อแถวรอชมฮานาโกะ

ฮานาโกะอยู่ที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่อายุสองปีและเป็นที่รักของเด็กๆ มาก อยากเห็นช้างไทยไม่ใช่จะได้ดูกันง่ายๆ นะคะ ต้องยืนรอต่อแถวกันยาวเหยียดเพื่อจะเข้าไปดูฮานาโกะใกล้ๆ แต่อาจเพราะเป็นวันหยุดพอดี วันธรรมดาแม่และเด็กคงไม่เยอะขนาดนี้ ในสวนสัตว์มีร้านค้าขายน้ำ ไอติม ขนมที่ชื่อ Hanako Cafe ด้วย แล้วพอเข้าไปถึงด้านในปุ๊บก็ต้องเดินไปเรื่อยๆ ได้ดูผ่านๆ แค่ประมาณหนึ่งนาที

การพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างฉันกับฮานาโกะ

การพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างฉันกับฮานาโกะ

เด็กหญิงที่วาดรูปฮานาโกะ

มีเด็กผู้หญิงวัยประถมคนหนึ่งดูตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นช้างไทย พอออกมาถึงด้านนอก ก็รีบวาดรูปฮานาโกะใส่สมุดไว้ทันที ถึงแม้จะจากไปแล้วฉันก็เชื่อว่าฮานาโกะน่าจะอยู่ในความทรงจำของคนญี่ปุ่นหลายๆ คน อย่างน้อยก็อยู่ในสมุดบันทึกของน้องผู้หญิงคนนั้นคนหนึ่งล่ะ 

โซนนี้เราสามารถมาเลือกหนูไปอุ้มเล่นได้

โซนนี้อยู่ใกล้ๆ กับทางเข้าสวนสัตว์ พ่อแม่จะพาเด็กๆ มาต่อคิวเป็นรอบๆ เพื่อเข้าไปเลือกหนูแฮมสเตอร์มาอุ้มเล่น พอหมดเวลาที่กำหนดก็เอาหนูไปคืน

อุ้มเสร็จแล้วเอาไปคืนด้วยนะจ๊ะ

นกเพนกวิน

นกฮูก

ออกมาจากสวนสัตว์ก็เริ่มหิวนิดๆ เลยว่าจะไปเดินหาร้านอาหารแถวสถานีรถไฟ ซึ่งมีให้เลือกเยอะมากหลากหลายสไตล์และระดับราคา ร้านที่ดังในหมู่คนไทยและคนท้องถิ่นคือ Satou Steak House ร้านสเต็กเนื้อวัวมัตสึซากะ ถ้ามากินมื้อกลางวันช่วง 11.00 – 14.30 น. จะคุ้มมาก เพราะเขามีชุดอาหารกลางวันราคาย่อมเยาอย่าง Oil Yaki เนื้อสไลด์เสิร์ฟคู่ผัดผัก 1,200 เยน ขายแค่สิบที่ต่อวันเท่านั้น และที่ฉันปักหมุดไว้ว่าอยากลองมากคือ Satou Steak ขนาด 120 กรัม 1,600 เยน ทุกเมนูมาพร้อมข้าว ซุปมิโซะ เครื่องเคียง และเติมข้าวได้ไม่อั้น แต่ตอนที่ไปถึงร้านมันเลยเวลามื้อกลางวันไปแล้ว ถ้าเป็นเมนูปกติที่ขาย 11.00 – 20.30 น. ราคาเริ่มต้นที่ 2,600 บาท เกินงบไปหน่อยเลยไม่ได้ชิมค่ะ

lunch_kichijoji

ฉันไปกินข้าวหน้าเนื้อง่ายๆ ราคา 330 เยนแทน เพื่อเก็บเงินไว้ช้อปปิ้งและกินของหวาน 

แหล่งช้อปของคิชิโจจิแบ่งออกเป็นสองโซนหลักๆ คือ Nakamichi Shopping Street และ Sun Road ร้านขายของกระจุกกระจิกสไตล์ญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า Zakka และของตกแต่งบ้านส่วนใหญ่จะอยู่ที่ถนน Nakamichi หลายๆ ร้านเป็นสินค้าทำมือน่ารักๆ ที่เจ้าของมานั่งขายเอง เดินสอดส่องแล้วจรรโลงใจมาก หรือถ้าชอบเดินห้างก็มีให้เลือกทั้ง Tokyu, Marui และ Parco ถ้าดูจากแผนที่จะเห็นว่าแหล่งช้อปปิ้งของคิชิโจจิอยู่รอบๆ สถานีรถไฟหมดเลย อยากไปร้านไหนเป็นพิเศษก็เปิดกูเกิ้ลแมปขึ้นมาเลยค่ะ อาจจะทำการบ้านมาหน่อยด้วยการปักหมุดร้านเหล่านั้นไว้ล่วงหน้า จะได้แบ่งโซนถูกไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมา หรือจะเดินมั่วๆ ซอกแซกไปเรื่อยก็สนุกไปอีกแบบ อันนี้แล้วแต่สไตล์การเที่ยวของแต่ละคน

ร้านขายของตกแต่งบ้านราคาย่อมเยา

ร้านขายของตกแต่งบ้านราคาย่อมเยา

ตึกยูนิโคล่ ใครเป็นแฟนแบรนด์นี้ได้เลือกจนฟินแน่นอน

ตึกยูนิโคล่ ใครเป็นแฟนแบรนด์นี้ได้เลือกจนฟินแน่นอน

ร้านขายอุปกรณ์ทำงานประดิษฐ์ มีผ้าญี่ปุ่นขายด้วยนะ

ร้านขายอุปกรณ์ทำงานประดิษฐ์ มีผ้าญี่ปุ่นขายด้วยนะ

shop_Kichijoji 08

shop_Kichijoji 07
shop_Kichijoji 05

shop_Kichijoji 04

ร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับอะนิเมะของสตูดิโอจิบลิ

ร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับอะนิเมะของสตูดิโอจิบลิ

ร้านขายเสื้อผ้าที่ต้องเดินขึ้นไปชั้นสอง

ร้านขายเสื้อผ้าที่ต้องเดินขึ้นไปชั้นสอง

shop_Kichijoji 01

เดินถึงประมาณทุ่มสองทุ่มร้านค้าก็ทยอยปิดกันแล้ว ก่อนนั่งรถไฟกลับเข้าใจกลางโตเกียว ฉันขอต่อเวลาให้วันพิเศษนี้อีกนิด ด้วยการไปกินเค้กสไตล์ฝรั่งเศสแสนอร่อยที่ Patisserie Kichijoji ร้านนี้เปิดตั้งแต่ 11.00 – 21.00 น. มีเมนูให้เลือกละลานตามาก หน้าตาน่ารักน่ากินไปเสียทุกอย่าง แต่มาคนเดียวเลยต้องยอมตัดใจเลือกแค่อย่างเดียว ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษนะคะเดินไปชี้ที่ตู้แล้วก็ขึ้นไปนั่งรอที่ชั้นสอง ร้านตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนแลดูสว่าง สะอาด สงบควรค่าแก่การจิบชาละเลียดเค้กเป็นอย่างยิ่ง

หน้าร้าน

หน้าร้าน

ตู้ขนม

ตู้ขนม

โซนขายของฝากที่เก็บไว้ได้นาน

โซนขายของฝากที่เก็บไว้ได้นาน

ที่นั่งด้านบนชั้นสอง

ที่นั่งด้านบนชั้นสอง

ที่นั่งด้านบนชั้นสอง

ที่นั่งด้านบนชั้นสอง

เค้กที่สั่งน่ากินและอร่อยมาก

เค้กที่สั่งน่ากินและอร่อยมาก

ชุดนี้ทั้งหมด 1,120 เยน

ชุดนี้ทั้งหมด 1,120 เยน

เค้กที่เลือกมีชื่อว่า Soleil (480 เยน + VAT) เป็นศัพท์ภาษาฝรั่งเศสแปลว่าดวงอาทิตย์ อร่อยมาก! ฐานล่างเป็นเนื้อเค้กนุ่มฟูเบา ชั้นถัดมาหอมหวานด้วยมูสมะม่วงที่มีส่วนผสมของเนื้อมะม่วงเป็นชิ้นๆ เพิ่มสัมผัสที่แตกต่าง ส่วนบนสุดเป็นมูสละมุนลิ้นอบอวลกลิ่นคาราเมลแทรกด้วยชั้นซอสส้ม รสชาติของแต่ละส่วนผสมผสานกันแล้วลงตัวมาก ช่วยเรียกสดชื่นและทำให้นึกถึงฤดูร้อนสมชื่อ Soleil จริงๆ ค่ะ ด้านบนมีครีมสดหวานอ่อนๆ ละลายบนลิ้นคล้ายครีมที่เสิร์ฟกับสโคนในร้าน Spoonful ซอยหลังสวน และมีเชอร์เบ็ตสีสันสดใสก้อนเล็กๆ วางเคียงมาหนึ่งก้อน ตัวเชอร์เบ็ตหอมราสป์เบอร์รี่และเปรี้ยวจัดมาก พอกินพร้อมเค้กแล้วกลบรสชาติเค้กไปหน่อย ฉันเลยเขี่ยออกมาห่างๆ แล้วเก็บไว้กินแยกต่างหากทีหลัง

ใครอยากสั่งเครื่องดื่มมากินกับขนม เขาก็มีชา กาแฟ ร้อน/เย็น ราคา 550 – 650 เยน + VAT ถ้าสั่งพร้อมเค้กจะลดราคาเครื่องดื่ม 100 เยน ฉันสั่งชาเย็นมาหนึ่งแก้ว รสชาติธรรมดาๆ ไม่คุ้มเท่าไหร่ แถมราคายังแพงกว่าเค้กอีก ปกติเขาก็มีน้ำเปล่าเสิร์ฟให้อยู่แล้วรู้งี้น่าจะสั่งเค้กสองชิ้นดีกว่า หักแต้มตรงเครื่องดื่มเล็กน้อย แต่ส่วนที่เหลือขอเทคะแนนให้หมดใจเลยค่ะ เดินทางสะดวกอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟและพนักงานก็บริการดีด้วย

ถ้ายังติดลมอยากเที่ยวต่อ ในละแวกคิชิโจจิก็มีผับ บาร์ ร้านดนตรีสดมากมายให้เลือกสรรค่ะ แอบกระซิบว่ามีสถานที่ลับๆ สำหรับคุณผู้ชายที่นิยมความสุขทางโลกด้วย อันนี้ไม่มีลายแทงให้นะคะ แต่ลองกูเกิ้ลดูก็เจอได้ไม่ยาก

หากมีโอกาสได้กลับมาเยือนโตเกียวครั้งที่ 3 ยังไงก็ต้องกลับมาซ้ำคิชิโจจิอีกรอบแน่นอน แต่คราวหน้าคงต้องหาแนวร่วมมาช่วยกินเค้กด้วยจะได้สั่งสัก 4-5 แบบมาชิมให้หนำใจ ย่านนี้จะมาแบบคู่รัก ครอบครัว หรือแก๊งเพื่อนก็เหมาะทั้งนั้นค่ะ ถ้าอยากมีวันเที่ยวสบายๆ ช้อปปิ้งแบบไม่รีบร้อน เก็บรายละเอียดรายทางไปเรื่อยเปื่อย ลองปักหมุดคิชิโจจิไว้เป็นทางเลือกหนึ่งดูนะคะ

 

การเดินทาง

  • รถไฟ JR สาย Chuo Line จากสถานี Shinjuku ลงสถานี Kichijoji
  • รถไฟ Keio สาย Inokashira จากสถานี Shibuya ลงสถานี Kichijoji

ค่าเข้าสวนสัตว์ 400 เยน เวลาทำการ 9:30. – 17:00 น. ปิดทุกวันจันทร์

สายการบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปโตเกียวมีอยู่ด้วยกันหลายเจ้า การบินไทยก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ เพราะนอกจากจะเป็น Full Service บริการครบครัน ได้น้ำหนักสัมภาระ 30 กิโลกรัมพร้อมอาหารแล้ว เขายังมีไฟลต์ให้เลือกหลายช่วงเวลา ที่เราชอบสุดคือบิน 22.10 น. หลับบนเครื่องสบายๆ แล้วไปถึงโตเกียวเช้าตรู่ 6.20 น. จัดแจงเอากระเป๋าไปฝากในโรงแรมแล้วก็ออกไปเที่ยวได้เต็มวัน โดยสามารถ จองตั๋วการบินไทยผ่าน Traveloka เขามีโปรโมชั่นโดนใจออกมาเป็นประจำ ทั้งช่วงในและนอกเทศกาล และมีศูนย์ให้บริการลูกค้าที่คอยให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงด้วย


COMMENTS ARE OFF THIS POST