ในบรรดารูปแบบการท่องเที่ยวทั้งหมด เราชอบการเดินออกไปถ่ายรูปแสง-สีของเมืองตอนค่ำคืน แต่เป็นผู้หญิงมันก็มีความอันตรายแหละถ้าจะแบกขาตั้งกล้องเดินไปไหนมาไหนคนเดียวยามวิกาล ด้วยความที่อยากไป เมือง Bruges เมือง Ghent ที่เลืองชื่อด้านการจัดแต่งแสงสีประดับเมือง เอื้อแก่การเที่ยวชมเมืองยามค่ำคืน ช่วงพักสมองจากการปั่น Dissertation ตอนตุลาปี 2015 เราเลยชวนเพื่อนสนิทและกับน้องรูมเมทนั่ง MegaBus รถบัสราคาถูกจากปารีสไปลงบรัซเซลแล้วต่อรถไฟไปเที่ยว Bruges-Ghent ให้สมองปลอดโปร่ง ร่างกายได้พักผ่อน Re-new สมอง ชาร์จพลังชีวิต ก่อนกลับมาปั่นดิซเซอร์ต่อ
ไฮไลท์ของทริปนี้คือ ค่าบัสที่ถูกมาก ราคาแค่คนละ 13 ยูโรต่อคน/ต่อเที่ยว ถ้าจะถูกขนาดนี้ แน่นอนว่าก็ต้องแลกมากับระยะเวลาในการเดินทางที่ยาวนานถึงเกือบ 4 ชั่วโมง เราเลือกที่จะเดินทางทริปดึกถึงตอนเช้าตื่นมาจะได้ถึงบรัซเซลพอดี ถือเป็นวิธีประหยัดค่าเดินทางสำหรับนักเรียนไทยในต่างแดนได้ดี
จากบรัซเซล พวกเราซื้อ Go Pass 10 ตั๋วรถไฟราคาพิเศษสำหรับเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปี ราคา 51 ยูโร ใช้เดินทางได้ 10 ครั้ง ตกครั้งละ 5.10 ยูโร โดย 3 คนสามารถใช้ร่วมกันใบเดียวได้เลย วิธีใช้คือให้เขียนวันที่เดินทาง สถานีต้นทาง สถานีปลายทางลงไป 3 ครั้งเท่าจำนวนคน ตอนตรวจตั๋วอาจต้องโชว์ Passport ยืนยันอายุ แต่ส่วนมากคนเอเชียหน้าเด็ก ไม่ค่อยโดนขอเอกสารยืนยันเท่าไหร่
Bruges
เมืองแรกที่เรามาพักคือ Bruges เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ เดินวนแปปเดียวก็ทั่วเมืองแล้ว การมาพักที่นี่เพียงหนึ่งคืนจึงถือว่ากำลังดี เพราะอยู่นานเกินไป ก็ไม่มีอะไรจะเที่ยวเท่าไหร่ จากสถานีรถไฟประจำเมืองเราเดินลากกระเป๋า เสียงแกรกๆ ดังก้องไปทั่วเมือง เพื่อเอาสัมภาระมาเก็บที่ Lybeer Travellers’ Hostel เนื่องจากเมือง Bruges มีการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเอกลักษณ์ของเมืองไว้ ถนนหนทางจึงยังคงใช้หินมาต่อๆกันเป็นแบบเก่า ถ้าใครจะมาเที่ยวบีแนะนำให้สะพายกระเป๋าเป้จะดีกว่า ตอนบีลากกระเป๋านี่ก็กลัวล้อพังเหมือนกัน ระหว่างทางเดินไปโฮสเทล ก็เห็นบ้านเรือน คาเฟ่ ร้านอาหารน่ารักๆเยอะเลยค่ะ
เราเลือกจองห้องพักแบบ Basic 4 Bed Mixed Dorm ราคาคนละ 23 ยูโร เป็นห้องเตียงสองชั้นพักได้ 4 คน ไม่มีห้องน้ำ-ห้องส้วมในตัวนะคะ ต้องออกมาใช้ในห้องโถง แต่บรรยากาศโดยรวมก็สะอาดและปลอดภัยมากๆ หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย แต่งหน้าแต่งตาใหม่ พวกเราก็ออกมาเดินชมเมืองตอนกลางวัน เพื่อ survey เส้นทางการเดินตอนกลางคืนไปด้วย
วิวริมน้ำ มุมที่เก็บภาพยอด Church of Our Lady, Bruges ได้ครบ
หมุนกล้องมาอีกด้าน ก็ได้วิวสวนสาธารณะริมน้ำ ถ้ามาตอนช่วงตุลาก็ได้ถ่ายรูปกับใบไม้เปลี่ยนสีฟีล Autumn in my heart <3
สมาชิกร่วมแก๊งค์ครั้งนี้ กอบัวเพื่อนเลิฟ เราเอง และน้องจิน น้องรูมเมทค่า
หากถามว่ามา Bruges ทำอะไรได้บ้างนอกจากเดินเยี่ยมชมเมือง และเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยเมื่อมาเยี่ยมชม Bruges คือ Bruges by Boat การนั่งเรือเที่ยวชมเมืองด้วยวิวทางน้ำ ซึ่งมีค่าบริการ 8 ยูโร เปิดบริการช่วงเดือนมีนาคมจนถึงพฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ในคลองก็มีเหล่าหงส์ว่ายน้ำไปพร้อมๆกับเรือของเรา
เดินชมเมืองรอบกลางวันเสร็จก็กลับไปนอนเอาแรง พอพระอาทิตย์ตกดินแล้วก็ได้เวลาออกมาอีกครั้ง สำหรับการเดินถ่ายรูปรอบกลางคืน อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ ช่วยให้ภาพไม่เบลอก็คือขาตั้งกล้อง แล้วเปิด Shutter Speed ให้นานๆขึ้นหน่อยก็จะได้ภาพดีดูเรืองรอง ถึงแม้จะถ่ายรูปไม่ได้เก่งมาก แต่พอมีขาตั้งกล้องช่วยภาพก็ดีโอเคขึ้นเยอะ
The Relais Bourgondisch Cruyce
กะจะมาปิดท้ายค่ำคืนที่ร้าน 2be Beer Wall แต่บาร์ปิดเร็วมาก 19.00 น.ก็ปิดแล้ว เราเลยไปหาร้านอื่นนั่งจิบเบียร์ผลไม้ชิวๆ ก่อนกลับ Hostel เก็บแรงไว้เที่ยวเมือง Ghent ในวันถัดไป
อดใจรอ “ไปเบลเยี่ยม เที่ยวเมือง Bruges & Ghent ชมแสงไฟยามค่ำคืน ตอนที่ 2 Ghent” กันหน่อยนะคะ
บีเว่อร์ สุภาภิชญ์ ทรายแก้ว
นักเขียน บรรณาธิการบิวตี้อิสระ สาวนครสวรรค์ จบปริญญาโทด้าน Fashion and Luxury Brand Management จาก Istituto Marangoni Paris ผู้หลงใหลในการดูแลความสวยความงาม เวลาว่างชอบอ่านหนังสือการ์ตูน ดูซีรีย์เกาหลี และรายการ The Return of Super Man
COMMENTS ARE OFF THIS POST