ปวดหัวปวดใจ…ไปปารีส
ใช่แล้วค่ะ ตามชื่อโพสท์เลยวันนี้ กับการรีวิวการเที่ยวคนเดียวในต่างแดนครั้งแรกในชีวิต วันนี้หมีขอมาแบบ inspirational สักนิด เหตุเกิดมาจากการที่ได้ลองใช้ชีวิตคนเดียวและเรียนรู้กับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ถามว่าเครียดมั้ย บอกเลยว่ามาก แต่ถามว่าอยากลบช่วงเวลาที่ผ่านมาออกจาก timeline ชีวิตมั้ย ตอบได้ทันทีว่าไม่มีทาง ไม่ว่าจะดีจะร้าย ทุกอย่างในชีวิตนั้นมีค่าควรแก่การจดจำทั้งสิ้น เรื่องราวต่างๆจึงเป็นที่มาของ challenge ที่คิดขึ้นให้ตัวเอง นั่นก็คือ #livemylife ลงมือติ๊กถูกให้ทุกข้อใน to-do-list ของตัวเอง
เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา หมีผ่านความเรียดจากการเรียนโทที่อังกฤษ การหางานที่คุ้มกับค่าเรียนมหาโหดที่ขอคุณแม่ไป และการทำงานพิเศษหาเงิน (ปากกัดXXถีบเมื่อค่าครองชีพสูงปรี๊ดในต่างแดน) รวมถึงเรื่องของความรักที่มีทีท่าว่าจะต้องเป็น long distance เอะๆ เราขอไม่ลงลึกเรื่องส่วนตัวละกันนะเออ point ของเรื่องคือเครียดมาก วันนึงหลังจากฝึกงานมาทั้งวัน เราถามตัวเองว่า นี่เราทำอะไรอยู่ เรารออะไรในชีวิต ทำไมเรายังรู้สึกเหมือนมีอะไรที่ยังค้างคามากมายก่ายกอง ทั้งที่ได้มาเรียนตามที่หวัง ได้ฝึกงานแบรนด์หรู ได้ลองใช้ชีวิตต่างแดน ได้ทำ project เจ๋งๆมากมายกับการเรียนโท สุดท้ายเราก็ได้คำตอบว่า มันไม่ใช่ปริมาณสิ่งมีค่าที่เราได้ทำหรือครอบครองเลยที่ทำให้เรามีความสุข มันคือการอยู่โดยทำทุกวันให้เต็มที่ต่างหากที่สามารถเติมเต็มเราได้
ที่ผ่านมาเราเอาแต่รอ รอให้รวย รอให้มีคนพาเราไปที่ต่างๆ รอให้เพื่อนว่าง รอให้โอกาสมันมาถึง รอเยอะ~ และเราก็ถามตัวเองว่าทำไม ทำไมถึงต้องรอ ในเมื่อเราเร่มทำอะไรตั้งหลายอย่างได้เลยเพียงแค่กล้าลุกขึ้นจากเตียง เก้าอี้ หรืออะไรก็ตามที่แหมะอยู่ และลงมือทำซะ ติ๊ก DONE ใน To-Do List ให้หมด!
พอคิดแบบนั้นได้ เราเลยหลับ… ก็มันดึกแล้วตอนคิดได้ ฮ่าๆๆๆ
แต่พอตื่นมาปุ๊ป เราก็เปิดคอมและ google หา “cheap ticket London Paris” วันต่อมาหลังจากฝึกงานเสร็จ เราก็มุ่งหน้าสู่เมืองปารีสด้วยเงินอันน้อยนิด LV, Dior, Chanel อะไรเราคงไม่ซื้อ สิ่งเดียวที่อยากทำ ณ ตอนนั้นคือไปกินของหวานและวิ่งBURNมันออกรอบหอ Eiffel และตากแดดบ่ม vitamin D ที่ขาดหายไปจากการจำศีลทีลอนดอน ข้อดีของการเที่ยวในยุโรปคือ ทุกอย่างเช็คได้ใน internet จองได้แม้กระทั่งรถบัสจากแถว AirBnb ถึง airport ที่ฝรั่งเศษ และตั๋วรถไฟกลับบ้านจากสนามบินในลอนดอน คือเราสามารถวางแผนได้แทบทุกย่างก้าว จองๆๆ แล้วก็เซฟทุกอย่างไว้ในมือถือ ถึงเวลาแค่ยื่นให้คนขับดู เรียบร้อย ไม่ต้องคอยวิ่งวนหาที่ซื้อตั๋ว แลกเหรีญ ต่อคิวเหมือน BTS บ้านเรา
เราได้เรียนรู้ว่า นอกจากแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องสำอางแล้ว เราเอ็นจอยกับการจัดโปรแกรมท่องเที่ยวมาก จริงจังและสนุกถึงขั้นจัดตารางเวลาจากเริ่มออกจากบ้านไปสถานีรถไฟจิปาถะจนถึงกลับมาบ้าน พอเรารู้สึกสนุก เราก็อยากเอาเรื่องราวนี้มาแบ่งปันเพื่อนๆ ผู้อ่าน viewer follower…จะเรียกอะไรก็ตาม เราอยากให้ทุกคนที่ได้อ่านมาถึงจุดนี้ ลองถามตัวเองว่ามีอะไรที่เราอยากทำมากๆๆๆ หรือคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวที่จะทำ ลองปิดสวิตช์สมอง ไม่ต้องหาเหตุผลใดๆ แล้วลงมือทำกันค่ะ
เกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทริป ไปดูกันค่ะ
ใครมีประสบการณ์แบบนี้ ลองแบ่งปันกันได้นะคะ #Livemylife
อ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้ที่ http://stylecartel.com/life-is-hard-go-to-paris/
เขียนโดย Contributing Fashion Writer/Illustrator – Mee Jong
หมี จง
อดีตพีอาร์แฟชั่นกูตูร์ กำลังคว้า ป.โทด้านแฟชั่นจาก London College Of Fashion
ผู้หลงใหลในเบื้องหลังการออกแบบและแนวคิดจากศิลปินทั่วโลก สนใจแพทเทิร์นมากกว่าโลโก้ รักไอเดียเจ๋งๆมากกว่าป้ายราคา มีคติว่าจะนำความอาร์ทมาสู่วงการแฟชั่นไทย และทำแฟชั่นไทยให้ดังกว่าต้มยำกุ้ง ว่างๆชอบดูหนังตลก ถ้าว่างจัดจะนั่งเย็บผ้า
COMMENTS ARE OFF THIS POST