ใกล้จะครบรอบหนึ่งปีที่เราเคยแบกเป้ไปเที่ยวบาหลีคนเดียวเมื่อปีที่แล้วพอดี ทริปนั้นไปมาสามเมืองบนเกาะบาหลี เดนปาซาร์ อูบุด และกูตา เป็นการเดินทางที่เราชอบมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเลยค่ะ อากาศดี อาหารอร่อย จ่ายไม่แพง และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ คิดแล้วก็ยังอยากกลับไปซ้ำอีกหลายๆ รอบ …คิดถึงจังบาหลี 🙂

อากาศดีงามควรค่าแก่การหายใจ

การเที่ยวบาหลีปัจจัยเรื่องฟ้าฝนเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ เพราะกิจกรรมส่วนใหญ่จะอยู่กลางแจ้ง กรกฎาคม – สิงหาคม เป็นช่วงเวลาที่บาหลีอากาศดีสุดๆ โดยเฉพาะเมืองอูบุดที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและแมกไม้อันอุดมสมบูรณ์ อากาศจึงเย็นสบายตัวมาก ตอนเราแบ็กแพ็กไปเมื่อปี 2015 อุณหภูมิอยู่แถวๆ 25-27 องศาเซลเซียล ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป เดินเล่นได้ทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำไม่เบื่อเลย 

ฝรั่งแซ่บถอดเสื้อเดินกันว่อนหาด

อูบุดที่พูดถึงในข้อแรกเป็นเมืองกลางหุบเขาที่ไม่ติดทะเลนะ แต่ถ้าอยากเจอบีชบอยแซ่บๆ ละก็ นั่งรถมากูตา (Kuta) เลยจ้ะ อยู่ห่างกันไม่ไกลมาก กูตาเป็นเมืองชายหาดซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบิน ถ้าจัดทริปยาวๆ เที่ยวหลายวัน แนะนำว่าควรเก็บวันท้ายๆ ไว้มาครื้นเครงที่กูตา เพราะที่นี่คือแหล่งรวมแสงสีเสียงของเกาะบาหลี และมีชายหาดทอดยาวที่เหมาะอย่างยิ่งแก่การเล่นเซิร์ฟ ส่วนใหญ่วัยรุ่นออสซี่จะชอบบินมาแฮงก์เอาท์กันที่กูตา  เนื่องจากค่าเหล้ายาปลาปิ้งถูกกว่าออสเตรเลียหลายเท่าและมีคลื่นแรงๆ ให้เซิร์ฟกันมันๆ ด้วย สิงหาคมนี่ถือเป็นช่วงพีคของการเซิร์ฟเลย สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน แถวๆ หาดกูตามีโรงเรียนสอนด้วยค่ะ มีทั้งแบบโรงเรียนจริงจังเชื่อถือได้ และครูฝึกท้องถิ่นราคาย่อมเยาริมหาด

เลือกทำกิจกรรมได้หลากหลาย

ทีแรกเราตั้งใจว่าจะมาบาหลีเพื่อนั่งๆ นอนๆ ทำสปา เอนหลังอ่านหนังสือ เช็กอินตามคาเฟ่ไปเรื่อย แต่พอมาถึงจริงๆ ก็แทบไม่ได้พักเลยจ้า เพราะบาหลีมีกิจกรรมกลางแจ้งน่าสนุกให้ทำเยอะมาก และเราก็มาช่วงอากาศดีเสียด้วย ถ้าไม่ได้ซื้อแพ็กเกจทัวร์แบบเหมามาจากเมืองไทย สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวได้ทั่วเลยค่ะ แต่เราขี่มอเตอร์ไซค์ไม่แข็งเลยซื้อทัวร์แบบหนึ่งวันแทน นอกจากนี้ก็ยังมีแพ็กเกจดำน้ำ ล่องแก่ง ปีนภูเขาไฟ ดูโชว์ระบำกลางแจ้ง และอื่นๆ อีกมากมาย 

อาหารอินโดนีเซียอร่อยเกินคาด

บอกตรงๆ ทีแรกไม่ได้คาดหวังกับอาหารอินโดนีเซียสักเท่าไหร่ คิดว่าคงหาอะไรถูกๆ ง่ายๆ กินเป็นหลัก แล้วก็อาจจะมีบางมื้อที่นั่งร้านแพงๆ บ้าง แต่ปรากฏว่าผิดคาด! อาหารท้องถิ่นบนเกาะบาหลีกลายเป็นสิ่งที่เราประทับใจเป็นอันดับต้นๆ ของทริปนี้เลยค่ะ อาหารส่วนใหญ่รสชาติจัดจ้านเข้มข้นคล้ายอาหารไทย แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบางอย่างที่แตกต่างออกไป ทำให้เราเพลิดเพลินมากกับการเสาะแสวงหาเมนูใหม่ๆ ชิมไปเรื่อยๆ

เที่ยวคุ้มค่าเงินถูก

ช่วงนี้ค่าเงินอินโดนีเซียค่อนข้างถูก ล่าสุดเช็กเรทจากร้านแลกเงินซูเปอร์ริช วันที่ 17 มิถุนายน 2559 1,000 IDR  เท่ากับ 2.66 บาท เที่ยวได้สบายๆ ไม่ต้องคิดมาก ตอนไปบาหลีเราใช้เงินน้อยกว่าเที่ยวโตเกียวสามเท่าเลยค่ะ ค่าที่พักโฮสเทลห้องรวมใจกลางเมืองอูบุดราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 100,000 IDR หรือ 266 บาทเท่านั้นเอง ค่าทัวร์แบบหนึ่งวันเริ่มต้นประมาณ 400 บาท ค่าอาหาร 50-60 บาทก็อิ่มแปล้แล้ว แต่ไปทั้งทีไม่ควรกินแต่ร้านข้างทางถูกๆ นะ ในบาหลีมีร้านเก๋ๆ เพียบเลย แนะนำให้กินแพงบ้างถูกบ้างสลับกันไป และแลกเงินรูเปียห์ไปจากเมืองไทยแค่พอใช้วันแรกๆ ที่เหลือแลกเป็นดอลล่าร์ไว้แล้วค่อยทยอยแลกที่อินโดนีเซียจะได้เรทดีกว่าเล็กน้อย

ตั๋วเครื่องบินราคาไม่แรงมาก บินตรงแป๊บเดียวถึง

เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ – บาหลี ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง ช่วงไฮซีซั่นแอร์เอเชียไปกลับราคาอยู่ที่ประมาณ 9,000 – 10,000 บาท ถือว่าแพงอยู่เหมือนกันแต่ก็ยังไม่แรงจนเกินรับไหว ถ้าจองตั๋วราคาโปรโมชั่นหรือจองล่วงหน้านานๆ ได้ก็จะยิ่งถูกลงไปอีก  แต่ตั๋วโปรส่วนใหญ่จะไม่ค่อยปล่อยออกมาช่วงไฮซีซั่น ส่วนตัวแล้วเราชอบเที่ยวช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเมืองนั้นๆ ค่ะ ยอมจ่ายแพงขึ้นมาหน่อยแต่ได้รับความฟินแบบเต็มๆ  อันนี้ก็แล้วแต่สไตล์การเที่ยวของแต่ละคนนะคะ ปีที่แล้วเราบินขาเดียว บาหลี – กรุงเทพฯ 3,400 บาท เพราะขาไปลงสุราบายาเที่ยวภูเขาไฟโบรโม่ก่อน

นวดและสปาราคาย่อมเยา

บาหลีนี่ถือเป็นสวรรค์ของคนรักการนวดและทำสปาเลยค่ะ มีร้านหลายระดับราคาให้เลือกสรรตามงบประมาณ อยากฟินมากก็ต้องยอมจ่ายแพงหน่อย แต่ถ้านวดแบบเอื้ออาทรไม่เน้นบรรยากาศ ถือเงินไปสัก 50,000 IDR หรือ 130 บาทก็นวดได้หนึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ นวดดีด้วยนะไม่ใช่เล่นๆ ส่วนสปาแบบขัดตัวด้วยเครื่องหอมมีเงิน 300 บาทก็ทำได้แล้ว ปกติอยู่กรุงเทพฯ เราก็ไม่ค่อยได้ปรนนิบัติตัวเองแนวๆ นี้หรอก แต่พอไปถึงบาหลีแล้วมันไม่แพงมากเลยทำครบเลยจ้า 

คนท้องถิ่นส่วนใหญ่น่ารักและเป็นมิตร 

การเที่ยวประเทศที่ยังไม่เจริญมากต้องทำใจเรื่องโดนโกงหน่อยนึงค่ะ ตอนไปคนเดียวเราโดนตอดเล็กตอดน้อยตลอดเวลา ส่วนเพื่อนเพิ่งไปมาเมื่อต้นปีโดนโกงตอนแลกเงินไปพันกว่าบาท แรกๆ ก็มีเซ็งบ้างแต่อยู่ไปสักพักเริ่มชิน มองเป็นสีสันในการเที่ยวก็สนุกไปอีกแบบ พอเราปีกกล้าขาแข็งมากขึ้นก็จะเริ่มอยู่เป็นและโดนโกงน้อยลงค่ะ ถือเสียว่ามาฝึกความแข็งแกร่งไปในตัว แต่โดยรวมแล้วคนส่วนใหญ่น่ารักและเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวนะคะ พวกพนักงานตามร้านอาหารและโฮสเทลเท่าที่เจอยิ้มแย้มแจ่มใสเต็มใจให้บริการดีมาก คนขายทัวร์ที่อูบุดนี่ไปซื้อหลายรอบจนซี้กันไปเลย ทั้งๆ ที่สื่อสารไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกเพราะเราไม่เก่งภาษาอังกฤษ 

อ่านมหากาพย์แบกเป้บุกเดี่ยวอินโดนีเซียของเราได้ที่ PondJaa.com มีทั้งหมด 19 ตอน
ตอนที่ 1 – 10 ภูเขาโบรโม่และทะเลสาบกำมะถันคาวาอีเจี้ยน
ตอนที่ 11- 19 บาหลี เที่ยวสามเมือง เดนปาซาร์ อูบุด และกูตา

สำหรับคนที่สนใจเก็บกระเป๋าไปเที่ยวบาหลี แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะจองที่พักจากที่ไหนดี ขอแนะนำ Traveloka ไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ สามารถใช้งานผ่านเว็บไซต์ https://www.traveloka.com/th-th/hotel หรือแอพพลิเคชั่นก็ได้ นอกจากความสะดวกสบายในการจองและความอุ่นใจที่มีศูนย์บริการลูกค้าคอยช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญของ Traveloka ก็คือเรื่องความ ‘ประหยัด’ ค่ะ เพราะเขามีโปรโมชั่นส่วนลดโรงแรมต่างๆ มากมาย และราคาที่โชว์บนหน้าเว็บก็เป็นราคาจริงไม่บวกเพิ่ม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวสายแบกเป้อย่างเราๆ 

pondjaa

ปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระและรับสัมภาษณ์บุคคล หลงใหลการอ่านหนังสือ ชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม สนใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ สนุกกับการดูซีรี่ย์และทดลองสูตรอาหารใหม่ๆ เมื่อมีเวลาว่าง