ช่วงนี้เราเรียนทำอาหารยุโรปที่โรงเรียนการอาหารนานาชาติสวนดุสิตอยู่ค่ะ ซึ่งเหลือเรียนอีกหนึ่งเมนูและสอบปฏิบัติก็จะจบคอร์สโดยสมบูรณ์แบบแล้วล่ะ เวลาเรียนอาจารย์ที่สอนก็มักจะย้ำนักย้ำหนาว่าให้ลองไป ‘ชิม’ อาหารยุโรปบ้าง โดยเฉพาะร้านที่อร่อยๆ เราจะได้รู้ว่ารสชาติที่ถูกต้องมันเป็นยังไง ประจวบเหมาะกับเราเจอโปรโมชั่นของห้องอาหาร JOJO (โจโจ้) โรงแรม The St. Regis Bangkok (เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ) ที่น่าสนใจมากพอดี
รายละเอียดของโปรโมชั่นคือซื้อคอร์สอาหารอิตาเลียน 1 แถม 1 เฉพาะมื้อกลางวัน เวลา 12.00-15.00 น. วันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่ 15-31 สิงหาคม 2559 มีสองราคาให้เลือก สองคอร์ส 750++ บาท กับ สามคอร์ส 950++ บาท ความต่างคือแบบสามคอร์สจะมีของหวานเพิ่มเข้ามาค่ะ อิชั้นคิดคำนวณตัวเลขในหัวอย่างรวดเร็ว 950 บาท รวม Sevice 10% กับ Vat 7% ก็อยู่ที่พันนิดๆ หารสองตกคนละประมาณ 600 บาท ก็น่าจะคุ้มอยู่นะ สำหรับการกินอาหารในโรงแรมหรูห้าดาวระดับนี้ โทร.จองทันทีอย่าได้รั้งรอ เบอร์สำหรับโทร.จอง 02 207 7813 ค่ะ
ทีแรกจองไว้เที่ยงตรงเป๊ะ ไปๆ มาๆ เริ่มเห็นแววว่าฝนตกรถติดแน่นอนเลยโทร.ไปขอเลื่อนเป็นเที่ยงครึ่ง กูเกิ้ลแมปทำพิษอีแฟนขับรถหลงทางค่ะ สรุปไปถึงบ่ายโมงครึ่ง พยายามแต่งตัวให้ดูดีกว่าปกตินิดนึงแล้วก็ยังแอบดูกะโปโล คือเรามันสายเดินจับโปเกม่อนไง ชีวิตไม่ค่อยได้กินข้าวร้านแบบนี้สักเท่าไหร่นึกออกมะ แต่พนักงานก็น่ารักนะคะ บริการทุกระดับประทับใจมากเลยทำให้เราคลายความเกร็งลงไปได้บ้าง
เมนูจะแบ่งออกเป็นสองส่วนค่ะ ส่วนแรกคือ Appetizer อาหารเรียกน้ำย่อย มีให้เลือกห้าอย่าง มีสลัดผักสดตามฤดูกาลกับโคลด์คัทรวมเป็นตัวยืนพื้น ส่วนอีกสามเมนูหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปในแต่ละวัน อาหารเรียกน้ำย่อยนี้เราจะสั่งกี่จานก็ได้ไม่อั้นค่ะ แต่อย่าให้แน่นท้องเกินไปนักเพราะเดี๋ยวจะกินจานหลักไม่อร่อย
ส่วนที่สองคือจานหลักมีให้เลือกหกอย่าง ประกอบไปด้วยพาสต้า พิซซ่า เนื้อวัว และปลา เลือกได้คนละหนึ่งจานเท่านั้นค่ะ แต่ละวันเมนูไม่เหมือนกันนะคะ เข้าไปเช็กล่วงหน้าได้ที่ http://www.stregisbangkok.com/en/fb_promo เลื่อนไปตรง JOJO RESTAURANT แล้วคลิกที่ To view the menu, CLICK HERE ด้วยความไม่คุ้นชินกับร้านอาหารแบบนี้ กลัวเด๋อด๋าสั่งผิดๆ ถูกๆ เราเลยอ่านเมนูคร่าวๆ ไปก่อนล่วงหน้าและเล็งไว้แล้วว่าจะสั่งอะไรบ้าง
เครื่องดื่มแฟนเราเลือกไวน์แดงค่ะ เพราะตั้งใจจะสั่งเมนูเนื้อกัน ไวน์ไม่รวมในคอร์สนะคะ จ่ายเพิ่มแก้วละ 300++ บาท …ปาดเหงื่อ คือเราก็กินไวน์ไม่ค่อยเป็น ไม่รู้ว่าแบบไหนที่เขาเรียกว่าดีหรือไม่ดี แต่รู้สึกได้ว่ามันอร่อยกว่าไวน์ถูกๆ ที่เคยซื้อกินเล่นแน่นอน รสชาตินุ่มนวลไม่บาดคอ ไม่ฝาดลิ้น จิบเพลินๆ
แล้วก็สั่งสปาร์คลิงมาด้วยหนึ่งขวด โดยที่ไม่รู้เลยว่าทางโรงแรมเขาเสิร์ฟ ซานเปลเลกรีโน น้ำแร่ธรรมชาติสปาร์คลิงที่ขุดมาจากเชิงเขาเทือกเขาแอลป์ในประเทศอิตาลี ขวดละ 280++ บาท โอยตายๆๆ ราคานี้ซื้อเบียร์เซเว่นได้ไม่รู้กี่ขวด เอาเถอะ! เพื่อการสัมผัสประสบการณ์แบบอิตาเลียนต้องลงทุนกันหน่อย
ก่อนอื่นมาจัดการขนมปังกันก่อนค่ะ อันนี้ไม่ต้องสั่งนะคะ เดี๋ยวเขายกมาให้เอง พร้อมน้ำมันมะกอกและน้ำส้มบัลซามิกให้จิ้ม ถ้ากินไม่พอก็ขอเพิ่มได้ ขนมปังเนื้อฟูๆ อร่อยดีค่ะ สีเขียวๆ ไม่ใช่สังขยาน้าเป็นขนมปังผัก ส่วนอันสี่เหลี่ยมเป็นขนมปังโรยเกลือ ชอบเนื้อขนมปังมากทั้งสองตัว แต่อันที่โรยเกลือแอบเค็มไปนิดนึง
Appetizer เราสั่งไปสามจานค่ะ สลัดผักสด โคลด์คัท และมะเขือม่วงอบชีส (Eggplant parmigiana) ชอบมากน้อยลดหลั่นกันไปแต่รวมๆ แล้วประทับใจทุกจานค่ะ
สลัดผักล้วนจานเล็กๆ กำลังพอดีกินไม่มากเกินไป ราดด้วยน้ำสลัดบาซัลมิก รสชาติออกเปรี้ยวๆ คลีนๆ กินแล้วสดชื่นดี
โคลด์คัท (Cold Cut) ประกอบไปด้วยแฮมสามชนิดและชีสสดเนื้อนิ่มรสชาตินุ่มนวล
มะเขือม่วงอบชีส ชอบที่สุดในบรรดาอาหารเรียกน้ำย่อยที่สั่งมา ปกติจานนี้จะปรุงโดยใช้ซอสมะเขือเทศ แต่สูตรนี้เชฟใส่มาเป็นลูกเลยค่ะ
จานหลักของเราเป็น Saffron risotto, braised ossobuco เลือกเมนูนี้เพราะอยากลองชิมอาหารที่เป็นพื้นฐานของอาหารอิตาเลียนจริงๆ ข้าวในรีซอตโต้จะออกแข็งๆ แน่นๆ ไม่ได้นิ่มเหมือนข้าวสวยของไทย และมีชีสเยิ้มๆ แทรกอยู่ในทุกคำที่ตักขึ้นมา สีเหลืองนี่มาจากหญ้าฝรั่นเครื่องเทศสุดหรูที่มีราคาสูงมากค่ะ รีซอตโต้จานนี้เสิร์ฟคู่กับเนื้อออสโซบูโกที่ตุ๋นจนเปื่อยนุ่มใช้ช้อนตักเป็นคำได้สบายๆ
ส่วนของแฟนเป็น Grilled angus steak, pizzaiola style จานนี้มีความแปลกนิดนึงตรงที่ระดับความสุกของเนื้อให้เลือกตั้งแต่มีเดียมขึ้นไป เขาแนะนำมาแบบนี้ก็จัดไปค่ะ เราชิมไปสองสามคำ กรี๊ด…ทำไมอร่อยกว่าริซอตโต้ฉันล่ะ เนื้อนุ่มมากถึงเป็นมีเดียมแต่ก็ไม่กระด้างเลย ซอสก็กลมกล่อม เคี้ยวเนื้อคำ จิบไวน์แดงคำ เข้ากันดีเหลือเกิน รู้สึกพ่ายแพ้อะไรเช่นนี้เวลาอาหารที่คนอื่นเลือกอร่อยกว่าของเรา
หลังจากจบจานหลักก็ต่อด้วยของหวานซึ่งพนักงานจะเข็นรถมาให้เราเลือกค่ะ ละลานตามากน่ากินไปหมดทุกอย่าง แต่เลือกได้แค่คนละหนึ่งอย่างเท่านั้น (ล้องห้าย…) แฟนเลือกทีรามิสุค่ะ ส่วนเราเลือกพันนาคอตตาลาเวนเดอร์
อร่อยค่ะ ตัวมูสเนื้อเนียนดี หวานหอมเบาๆ ไม่หวานจัดจนเกินไป เยลลี่ส้มก็เปรี้ยวอมหวานตัดกันดี ส่วนที่เป็นลาเวนเดอร์คือฟองหย่อมน้อยๆ มีความเปรี้ยวแฝงบางๆ รวมๆ แล้วรสชาติน่าประทับใจแม้จะไม่รู้สึกถึงความลาเวนเดอร์สักเท่าไหร่
เราสองคนคิดว่าคอร์สนี้คงจบที่ของหวาน แต่ผิดคาดเขามีกาแฟตบท้ายให้ด้วยจ้า เป็นกาแฟสดเสิร์ฟมาใน Moka Pot และมีขนมชิ้นเล็กชิ้นน้อยเคียงมาหนึ่งจาน กาแฟเข้มมากเป็นสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ แบบไม่ประนีประนอมเลย ถ้าไม่แกล้มกับขนมเราแทบกินไม่ไหวเลยค่ะ เพราะปกติไม่ได้ดื่มกาแฟมากนัก แต่แฟนดื่มได้สบายๆ ค่ะ เขาบอกว่าหอมอร่อยดีเข้มแต่ไม่ขม
อาหารมื้อนี้ใช้เวลาละเลียดทั้งสิ้นประมาณสองชั่วโมง เพลิดเพลินดีเหมือนกัน นานๆ ทีได้สร้างเสริมประสบการณ์การกินให้ชีวิตบ้าง เรากับแฟนไม่ค่อยฉลองกันตามโอกาสพิเศษสักเท่าไหร่ค่ะ วันเกิด วันครบรอบ วาเลนไทน์ปล่อยผ่านมันไป เน้นฉลองตามโปรโมชั่นที่เจอไปเรื่อยๆ ดีกว่าประหยัดดี
ปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระและรับสัมภาษณ์บุคคล หลงใหลการอ่านหนังสือ ชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม สนใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ สนุกกับการดูซีรี่ย์และทดลองสูตรอาหารใหม่ๆ เมื่อมีเวลาว่าง
COMMENTS ARE OFF THIS POST