fbpx
READING

แบกเป้เข้าป่าท้าลมหนาวที่ ‘ดอยหลวงเชียงดาว’...

แบกเป้เข้าป่าท้าลมหนาวที่ ‘ดอยหลวงเชียงดาว’

ไม่ว่าภารกิจปั๊มเงินจะรัดตัวแค่ไหน แต่ทุกๆ ปี เราก็จะพยายามหาโอกาส ‘เข้าป่า’ ให้ได้อย่างน้อยปีละครั้งเสมอ เพื่อชะแว้บไปรับพลังจากธรรมชาติก่อนกลับมาลุยงานต่อ และคราวนี้ก็เป็นคิวของ ‘ดอยหลวงเชียงดาว’ ยอดเขาที่มีความสูงเป็นอันดับสามของประเทศไทย สมาชิกของทริปนี้ประกอบไปด้วยแก๊งเพื่อนสาวเจ็ดคนและแฟนของเพื่อนอีกหนึ่ง เป็นสุภาพบุรุษคนเดียวท่ามกลางชะนีน้อยหอยสังข์

Advertisements

chiangdao-4

 

ดอยหลวงเชียงดาว ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางขึ้น-ลงดอยหลักๆ ที่นิยมใช้กันมีอยู่สองเส้น 

  • เส้นทางที่ 1 เด่นหญ้าชัด ระยะทางจากจุดเริ่มต้นถึงยอดดอย ประมาณ 8.5 กิโลเมตร ทางเดินค่อนข้างสบาย ไม่ค่อยมีจุดชันสักเท่าไหร่
  • เส้นทางที่ 2 ปางวัว ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร สั้นกว่าแต่โหดกว่า! ชันในระดับที่ยังพอเดินได้ค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่คนที่แข็งแรงมากนัก ควรใส่รองเท้าที่ยึดเกาะพื้นได้ดีและใช้ไม้ช่วยในการประคองตัวลงจากเนินชันๆ ในบางจุด 

 

ทริปนี้พวกเราเลือกขึ้นทางเด่นหญ้าชัด ซึ่งเราจะนั่งรถตู้ที่เช่ามาจากกรุงเทพฯ ไปลงที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จากนั้นก็ไปเปลี่ยนเป็นรถกระบะโฟร์วีลเพื่อขึ้นดอยไปยังจุดเริ่มต้นเดิน และขากลับค่อยลงทางปางวัวเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศค่ะ 

chiangdao-5

เท่าที่ศึกษามาจากรีวิว เพื่อนเราบอกว่าถ้ามาแค่ 2 วัน 1 คืนอาจจะเหนื่อยเกินไป หลายคนแนะนำมาว่าให้จัดเป็นทริป 3 วัน 2 คืนดีกว่า เพราะถ้าค้างบนดอยคืนเดียว พอเดินขึ้นไปถึงปุ๊บเราจะต้องขึ้นจุดชมวิวตอนเย็นวันนั้นเลย เช้าวันต่อมาก็ขึ้นจุดชมวิวอีกที่หนึ่ง เสร็จแล้วก็เดินลงเขา เป็นการเดินรวดเดียวติดๆ กัน อาจจะเหนื่อยล้าเกินไปสำหรับมนุษย์เมืองที่อยู่หน้าจอคอมฯ กันตลอดเวลา

เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาเหลือเฟือกางเต็นท์อยู่บนดอยสองคืนก็ชิลล์ดี ได้ใช้เวลาซึมซับธรรมชาติอย่างเต็มที่ นั่งๆ นอนๆ เมาท์มอยกันจนปากเปียกปากแฉะ แต่ถ้ามีเวลาไม่มาก ลดเวลาบนดอยเหลือแค่คืนเดียวก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ 

แนะนำว่าหลังลงจากดอยควรเผื่อเวลาแวะเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่สัก 1-2 วันค่ะ จะได้ทำสปาคลายเมื่อย พักจิบกาแฟ ตระเวนชิมอาหารพื้นเมืองร้านอร่อย และช้อปปิ้งชิลล์ๆ เติมพลังก่อนกลับไปทำงานอีกครั้ง ซึ่งเราสามารถจองที่พักในเชียงใหม่และตั๋วเครื่องบิน ผ่าน Traveloka ได้ค่ะ ทั้งสะดวกและมีสิทธิ์ได้รับส่วนลดพิเศษด้วย 

chiangdao-10

บนดอยไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งสิ้น และไม่มีห้องน้ำนะคะ มีแต่ส้วมหลุมที่ต้องขับถ่ายทับๆ กันไป เราต้องเตรียมอาหารและน้ำสะอาดขึ้นไปให้พอดีกับการใช้ชีวิต ซึ่งแบกเองไม่ไหวแน่นอนค่ะ ต้องใช้บริการลูกหาบ โดยลูกหาบหนึ่งคนจะรับแบก 20 กิโลกรัม ใครอยากเดินถ่ายรูปสบายๆ หรือไม่ได้คิดจะทดสอบสมรรถภาพร่างกายตัวเองอะไรมากมาย จ้างเขาแบกสัมภาระส่วนตัวด้วยก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ลำบากเกินไปนัก

ส่วนกลุ่มเราจ้างลูกหาบช่วยแบกเฉพาะน้ำดื่มกับของส่วนกลาง เป้ที่เป็นของส่วนตัวแบกกันเองจ้า งานนี้เราเลยเอาของมาน้อยสุดๆ กล้อง DSLR ยังไม่พกมาเลยค่ะ ใช้กล้องมือถือถ่ายเอา 

chiangdao-6

ทีแรกที่เพื่อนเราติดต่อกับเจ้าหน้าที่อุทยาน เขาแจ้งข้อมูลมาว่าเราต้องทำกับข้าวกันเอง พวกเราเลยจัดเต็มขนข้าวของกันมายกใหญ่เลยค่ะ แต่พอเจอคุณไกด์ท้องถิ่น คุยกันไปคุยกันมา เขาบอกจริงๆ ถ้าติดต่อกันไว้ก่อน เขาก็สามารถเตรียมวัตถุดิบและทำอาหารให้เราได้นะ อ้าว…เป็นงั้นไป คือทำอาหารกินกันเองมันก็สนุกดีแหละ แต่เราต้องแบกหม้อไหขึ้นไปด้วย แถมยังมีน้ำในปริมาณที่จำกัดมาก มันเลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ค่ะ ถ้าจ้างไปเลยก็ดีกว่า เพราะส่วนใหญ่เขามีอุปกรณ์อยู่บนดอยหมดแล้ว ลูกหาบจะได้ไม่ต้องแบกของเยอะเกินไปด้วย

chiangdao-9

ระดับความเหนื่อยในการตะลุยเชียงดาว สำหรับเราถือว่าไม่ได้มากจนเกินรับไหว ปกติเป็นคนไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสักเท่าไหร่ แต่ก่อนออกเดินทางประมาณหนึ่งเดือนก็พยายามฟิตซ้อมร่างกายมากขึ้น ด้วยการวิ่งเหยาะๆ วันละ 30 นาที จุดเด่นของที่นี่นอกจากเรื่องความสวยงามของวิวทิวทัศน์แล้ว ยังมีพันธุ์ไม้หายากให้ชมเยอะมากเลยค่ะ ดอกไม้ป่าสวยๆ น่าถ่ายรูปเต็มไปหมด

chiangdao-7

chiangdao-11

เตรียมพร้อมก่อนลุย

– รองเท้า สำคัญมากค่ะ ควรเป็นรองเท้าที่มีดอกยางลึกและไม่ลื่น รองเท้าผ้าใบแฟชั่นถึงแม้จะเพิ่งถอยมาใหม่เอี่ยม แต่ถ้าพื้นเรียบๆ ดอกยางตื้นๆ ก็เสี่ยงต่อการลื่นล้มอยู่เหมือนกัน

chiangdao-1

– ไม้เท้าเดินป่า ช่วยได้เยอะมาก ถ้านานๆ เที่ยวป่าที ไม่อยากเสียเงินซื้อ ไปหาไม้ไผ่ตามข้างทางเอาก็ได้ แต่ใช้แบบมาตรฐานก็ดีค่ะมันจับถนัดมือกว่า

chiangdao-2

– ไฟฉายติดหัว ใช้ตอนขึ้นไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวค่ะ ทางขึ้นต้องปีนป่ายพอสมควร ถ้าต้องถือไฟฉายด้วยจะไม่ค่อยคล่องตัวเท่าไหร่

– ทิชชู่เปียก เนื่องจากไม่มีห้องน้ำและไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติใดๆ ทั้งสิ้น เราจึงต้องชำระร่างกายด้วยทิชชู่เปียกเป็นหลัก

chiangdao-3

– หมวกและครีมกันแดด ถึงแม้อากาศจะเย็นสบาย แต่ช่วงกลางวันแดดแรงใช้ได้เลยค่ะ 

– ยาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาล พาราเซตามอล ยานวด แอลกอฮอล์ล้างแผล ผ้ายืด พลาสเตอร์ยา 

– ถุงนอน ถ้ามีงบมากหน่อยควรเลือกซื้อแบบที่ขนาดเล็กและอุ่น

– เสื้อกันหนาว แนะนำว่าควรเลือกแบบถอดได้สะดวก เพราะช่วงที่เดินเยอะๆ เราจะร้อนจนเหงื่อแตก แต่พอนั่งเฉยๆ เจอลมพัดมาก็หนาวอีกรอบ ต้องคอยถอดๆ ใส่ๆ อยู่เรื่อยๆ

– เสื้อกันฝน เผื่อกรณีฉุกเฉิน 

– รองเท้าแตะ เอาไว้ใส่สลับในช่วงกลางวันที่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในแคมป์ เท้าจะได้ไม่เหม็นอับ

– ขนมหวาน ลูกอม ช็อกโกแลต สแน็กบาร์ชิ้นเล็กๆ ช่วยเติมพลังงานระหว่างเดินได้ดีค่ะ

– ไม่จำเป็นต้องสั่งจองอาหารเช้าไว้ล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่อุทยาน ระหว่างทางขึ้นยังพอมีร้านอาหารให้แวะอยู่ค่ะ บอกคนขับรถกระบะให้เขาพาแวะซื้อข้าวได้

– แบกของไปให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!

คนที่ยังไม่เคยเดินป่าแต่อยากลอง ดอยหลวงเชียงดาวก็เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ ระยะทางไม่ไกลและโหดจนเกินไป เตรียมอุปกรณ์มาให้พร้อม ออกกำลังกายล่วงหน้ามาสักหน่อย ก็สนุกได้แบบสบายๆ เนื่องจากเป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยม ทางอุทยานจึงมีระบบการดูแลที่รัดกุม ไกด์และลูกหาบคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ทำให้การประสานงานไม่ยากลำบากอะไร

กลุ่มเรามีปัญหานิดเดียว คือเต็นท์ของอุทยานเก่ามาก ไม่มีที่กันฝนด้วย คงเพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว นักท่องเที่ยวเยอะมาก เต็นท์ดีๆ อาจจะมีคนอื่นเอาไปหมดแล้ว สุดท้ายแบกขึ้นไปก็เลยไม่ได้ใช้ แต่โชคดีได้ใช้บริการเต็นท์ของคุณไกด์แทน ซึ่งใหญ่และใหม่กว่ามากๆ พอลงมาจากดอย ทางอุทยานเขาก็คืนเงินค่าเต็นท์ให้นะคะ แต่สงสารลูกหาบที่ต้องแบกขึ้นแบกลงเสียเที่ยว ใครจะเช่าเต็นท์อุทยานแนะนำให้ลองกางดูก่อน และลองคุยกับไกด์ดูค่ะว่าเขามีเต็นท์อยู่ข้างบนหรือเปล่า ถ้ามีเราก็ใช้เต็นท์ของเขาไปเลยค่ะ


RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST