fbpx
READING

เที่ยวเกาหลีครั้งแรกกับทริปตามรอย Wanna One ฉบับมื...

เที่ยวเกาหลีครั้งแรกกับทริปตามรอย Wanna One ฉบับมือใหม่หัดติ่ง

บอกก่อนว่า เราเพิ่งเริ่มติดตามเคป๊อปจากการติดบ่วง Wanna One นะคะ มือใหม่สุดๆ สกิลภาษาเกาหลีเป็นศูนย์ อังกฤษได้นิดหน่อย ไม่เคยมาเกาหลี ไม่เคยติดตามวงไหนจริงจัง (อัลบั้มเพลงล่าสุดที่ซื้อน่าจะ The Lift ของ Groove Rider ที่วางขายปี พ.ศ. 2550 โปรดอย่าถามอายุกันเลยนะคะ)

Advertisements

สิ่งที่ทำเลยไม่ได้พิเศษหรือเจาะลึกมาก เป็นการตามรอยขั้นพื้นฐาน แต่อยากแชร์เผื่อเป็นประโยชน์กับคนเพิ่งเริ่มติ่งเหมือนกัน ถ้าอ่านเจอตรงไหนแล้วรู้สึกว่าข้อมูลผิดพลาด ทักท้วงได้เลยน้า หรือถ้าอยากช่วยแชร์ข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ทางเราก็ยินดีค่า

ทริปนี้เราเดินทาง 7-14 ธันวาคม 2017 ข้อมูลบางอย่าง เช่น โปรโมชั่นของแบรนด์สินค้า อาจจะไม่อัปเดตแล้ว แต่อ่านเล่นสนุกๆ เอาไว้เป็นไกด์คร่าวๆ ในการวางแผนทริปก็พอได้อยู่ค่ะ ทีแรกกะลงคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ลงทวิตเตอร์ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะเป็นการไปเกาหลีครั้งแรก แค่เอาตัวรอดให้ได้แต่ละวันก็หืดขึ้นคอแล้ว เก็บแบตมือถือไว้เปิดแผนที่เถอะ อย่าเพิ่งเล่นทวิตเตอร์เลยแก 

เราจองตั๋วล่วงหน้าตั้งแต่เดือนตุลาคมค่ะ เสร่อเฟอะฟะมาก จองแบบโง่ๆ งงๆ คิดแค่ว่า เออ ชอบศิลปินเกาหลีก็ไปเกาหลี เดี๋ยวโชคชะตาคงนำพาให้เราได้เจออปป้าเอง (เรียกผู้ชายหล่อทุกคนว่าอปป้า แม้บางคนจะอายุน้อยกว่าเราเป็นสิบปี) จองไป 7-14 ธันวาคมใช่ป่ะ

– Wanna One คัมแบ็กกลางเดือนพฤศจิกายนจ้า

– เท่านั้นยังไม่พอ MXM (อีกวงที่ชอบค่ะ สองหนุ่มแบรนด์นิวบอย) ยังมาจัดแฟนมีตติ้งที่ไทย 9 ธันวาคม อ๊ากกกก

– ยังค่ะ ความผียังไม่หมด เราบินกลับ 14 ธันวาคม Wanna One มีงาน Premier Fan-Con ที่โซล 15-17 ธันวาคม คลาดกันแบบ พรี่เป้รี่เจ่บนมมมมมม ตอนนั้นหาบัตรคอนได้ด้วย แต่ใจไม่ถึงพอเพราะแค่ค่าบัตรก็อัพเป็นหลักหมื่น ค่าเลื่อนตั๋วอีกประมาณหมื่น เพราะบินโลว์คอส เลื่อนก็คือซื้อใหม่นั่นแหละ เอาไว้เจอกันคราวหน้าละกันนะหนูลูกกก ฮือออ น้ำตาไหลเป็นสายธาร

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มีเงินอย่างเดียวติ่งไม่ได้ ต้องหัดติดตามข่าวสารด้วยนะป้า พลาดไปแล้วก็เอาเท่าที่ได้ละกันเด้อ ติ่งกระจุ๊กกระจิ๊กพอกรุบกริบไปก่อน  เนื้อหาแบ่งคร่าวๆ ประมาณนี้นะคะ

–  คาเฟ่ K.2.1.2 ใต้ตึก YMC ต้นสังกัดของ Wanna One

–  การตามเก็บโปสเตอร์และปฏิทินจากแบรนด์ที่ Wanna One เป็นพรีเซนเตอร์

–  ร้านขายสินค้าออฟฟิเชียล

–  ซ้อมไป Music Bank เตรียมพร้อมรอการคัมแบ็กรอบหน้า (จริงจังเว่อร์ 555)

–  เก็บตกยิบย่อย ร้านรวงต่างๆ

 

คาเฟ่ K.2.1.2

เจ้าของคาเฟ่นี้คือคุณแทจินอา (Tae Jin-ah) ผู้ร่วมก่อตั้งค่าย YMC Entertainment ซึ่งเป็นต้นสังกัดของวง Wanna One ค่ะ คุณแทจินอาอยู่ร้านบ่อยมาก ดูจากรีวิวใครไปก็เจอ ตอนเราไปก็เจอค่ะ เขายืนจัดดอกไม้อยู่ แต่ถ้าอยากเจอหนุ่มๆ Wanna One คงต้องใช้แต้มบุญสูงเว่อร์

มีรูปที่ Wanna One ถูกถ่ายไว้ที่ร้านนี้ เห็นว่าเป็นการมาดินเนอร์ด้วยกันครั้งแรกหลังจากรวมตัวกันเป็น Wanna One ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าข้อมูลจริงแท้แค่ไหน อ่านมาจากที่แฟนอินเตอร์แปลไว้เป็นภาษาอังกฤษอีกทีค่ะ

ภาพจาก: http://d-kpop-ura.blogspot.com/2017/06/wanna-one.html

เราไปช่วงใกล้วันคริสต์มาส ภายในร้านจึงอบอวลไปด้วยบรรยากาศของเทศกาลแห่งความสุข รวมถึงมีรูป Wanna One อยู่แทบทุกซอกทุกมุม เจริญหูเจริญตาเหลือเกิน รู้สึกปริ่มใจ อารมณ์แบบไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาบ้านก็ยังดี

มีการประชาสัมพันธ์อีเวนต์ของคุณแทจินอาเล็กน้อย

อาหารก็อร่อยดีค่ะเป็นแนวอาหารยุโรป เราสั่งชุดแพนเค้ก เป็นเมนูบรันช์จานใหญ่บึ้ม (เสิร์ฟ 11.00-15.00 น.) ราคา 15,000 วอน ส่วนเครื่องดื่มเลือกเป็น Tiramisu Latte 5,000 วอน

ส่วนน้องที่มาด้วยกันสั่งหอยนางรมชุบแป้งทอด เมนูใหม่ประจำซีซั่น 18,000 วอน

ในเมนูของคาวจะมีพวกสลัด รีซอตโต้ ข้าวผัด พาสต้า ของกินเล่น ส่วนเครื่องดื่มก็เป็นน้ำผลไม้ ชา กาแฟ น้ำอัดลม แล้วก็มีไวน์กับเบียร์ด้วยค่ะ อาหารจานหลักราคา 15,000 – 20,000 วอน (ประมาณ 450 – 600 บาท) เบียร์เริ่มต้นที่ 5,000 วอน (ประมาณ 150 บาท)

เบเกอรี่ประจำวัน น่ากินดีค่ะ ไม่มีอยู่ในเมนู ต้องเดินมาเลือกที่ตู้แช่ จบค่ะรูปอาหารมีเท่านี้ มาดูรูปผู้ชายกันต่อ

อิจฉาเด้อ อยากมีรูปคู่คุณแดนบ้าง T T

อัลบั้มนี้วางอยู่ตรงแคชเชียร์ น่าดอยมากกกก

มุมนี้รวมผลงานของศิลปินในค่าย YMC ค่ะ ถ้าต้องการอุดหนุนก็ติดต่อพนักงานได้

การเดินทาง

รถไฟสถานี Itaewon ทางออก 4 ออกมาปุ๊บให้หันหลังแล้วมองหาป้าย Itaewon Antique Furniture Street (ถนน Bogwang-ro) เดินเข้าไปตามทางนั้นเลยค่ะ ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอสามแยกที่มี 7-11 ให้เลี้ยวขวาไปทางถนน Noksapyeong-daero 26-gil จากนั้นก็ตรงยาวอย่างเดียว จนเจอตึกสีดำอยู่ทางซ้ายมือ

ถนนระหว่างทางเดินจากสถานีไปยังคาเฟ่ เป็นย่านที่รวมร้านขายเฟอร์นิเจอร์และข้าวของวินเทจ เดินเล่นเพลินๆ มองนู่นนี่สองข้างทางไปด้วย ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึงที่หมาย

วันที่เราไปมีแฟนคลับเอาของขวัญมาวางไว้ในศิลปินที่หน้าประตูค่ายพอดี แต่ไม่ใช่ของ Wanna One นะคะ

ในย่านอิแทวอน (Itaewon) มีอีกร้านนึงที่ตอนแรกแพลนไว้ว่าจะไปคือ Itaewonsweetshop เป็นร้านขายโดนัทที่เอามาใช้ถ่าย MV เพลง Energatic แต่ออกมาจากคาเฟ่ในสภาพโคตรอิ่ม ไม่สามารถบรรจุอาหารใดๆ ลงท้องได้อีกแล้ว เลยแปะไว้โอกาสหน้าดีกว่า 

 

พิกัดร้านคือ 738-34 Hannam-dong, Yongsan-gu เลือกลงรถไฟได้สองสถานี Hangangjin ทางออก 1 หรือ Itaewon station ทางออก 2 ตั้งอยู่ทิศทางตรงข้ามกับคาเฟ่ K.2.1.2 สองคาเฟ่นี้ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตรค่ะ

ต่อไปเป็นบรรดาร้านที่เราไปตามเก็บโปสเตอร์นะคะ

สอยโปสเตอร์มาทั้งสิ้น 8 ใบ และปฏิทินอีก 1 อัน ซี่งอยากบอกว่าถ้าอยากได้แค่ของ ไม่ได้รู้สึกสนุกสนานท้าทายกับการเสาะหาด้วยตัวเอง สั่งจากร้านรับพรีออเดอร์ถูกและคุ้มกว่ามากทีเดียว แต่เราเป็นมนุษย์ประเภทชอบความท้าทาย (จริงๆ คือว่างจัดและเพี้ยนๆ ไม่ค่อยมีสติ 55) ไม่ได้เว้ย ฉันจะต้องไปเหยียบร้านที่น้องเป็นพรีเซนเตอร์ให้เยอะที่สุดและโอบกอดโปสเตอร์เหล่านั้นมาไว้ในอ้อมแขนด้วยตัวเอง

LOTTERIA

เริ่มจากร้านที่ง่ายที่สุดก่อนนั่นคือ LOTTERIA เป็นร้านฟาสต์ฟู้ดที่มีสาขาอยู่ตามห้างและย่านท่องเที่ยวทั่วไป แต่ถ้าไปดึกๆ ของอาจจะหมดได้ เพราะทีแรกเราไปสาขาฮงแดที่ติดริมถนนใหญ่ ปรากฏว่าวันนั้นโปสเตอร์หมดแล้ว อีกวันบังเอิญเดินเจอร้านที่ Lotte Department Store สาขาเมียงดง เลยจัดทันทีหนึ่งชุด มีเบอร์เกอร์สามแบบให้เลือก ราคา 8,100-9,800 วอน

เราเลือกอันแพงสุดเลยค่ะ เป็นเนื้อวากิวเพิ่มเห็ด ชุดละ 9,800 วอน รสชาติค่อนข้างจืด เนื้อมีความบางเฉียบ ข้อดีคือเคี้ยวง่าย ให้ผักเยอะดีค่ะ ณ จุดนี้ถือว่าประทับใจเพราะเป็นคนชอบกินผัก มันก็ไม่ได้แย่ค่ะ ถ้าคิดเสียว่าเราซื้อโปสเตอร์แล้วได้เบอร์เกอร์มาเป็นของแถม 555 ผู้หญิงต้องคิดบวก

อีกวันเราพาน้องไปสาขานี้ แต่เป็นช่วงค่ำหน่อยประมาณสามทุ่ม พนักงานบอกว่าโปสเตอร์หมดแล้ว เลยคิดว่าแต่ละสาขาอาจจะสต็อกของแถมแบบวันต่อวัน เพื่อป้องกันการขโมยออกไปขายต่อ ถ้าอยากได้ของชัวร์ๆ แนะนำให้ไปช่วงสายๆ จะดีกว่าค่ะ ช่วงนี้รู้สึกว่าจะไม่มีโปสเตอร์แล้ว แต่เป็นโปรโมชั่นใหม่ที่แจกปฏิทินแทน เชิญกินกันให้สำราญใจ

Mexicana Chicken

ก่อนมาเกาหลี เราเข้าใจว่า Mexicana Chicken เป็นร้านไก่ทอดแฟรนไชส์อารมณ์ประมาณ KFC มีสาขาตามห้างทั่วไป เดินๆ เที่ยวเดี๋ยวก็คงเจอร้านบ้าง พอมาถึงมันคนละเรื่องกันเลยค่ะ ร้านหายากกว่าที่คิดไว้มาก 

ถามเพื่อนที่มาเรียนต่อที่เกาหลีฮีก็ไม่เคยกิน เลยต้องเสิร์ชจาก Tripadvisor เจอ 6 สาขา แต่ละสาขากระจายอยู่ตามจุดที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหลักสักเท่าไหร่ ต้องใช้ความพยายามในการนั่งรถไปกินโดยเฉพาะ เราเลยไม่กล้าชวนเพื่อนไป เพราะไม่มั่นใจว่าไปแล้วจะเจอร้านไหม กลัวแผนที่ปักหมุดไม่ตรง อีกอย่างคือมันต้องนั่งรถไปไกลอ่ะ ถ้าไปแล้วไม่อร่อยก็กลัวเพื่อนเฟล

เลยตัดสินใจแว้บไปกินคืนวันที่เพื่อนกลับไทยไปก่อน แล้วเราอยู่ต่อคนเดียวอีกสองวัน เลือกสาขาที่ใกล้ย่านกังนัมมากที่สุด คือสาขาในซอย Daechi Food Street ลงรถไฟที่สถานี Seolleung (อยู่ถัดจากกังนัมมา 2 สถานี) ทางออก 2

เราสื่อสารกับอาจุมม่าผ่านรูปที่เซฟไว้ในมือถือ ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปว่าเนี่ยๆ อยากได้ปฏิทิน ต้องสั่งอะไรกินคะ สรุปคือต้องสั่งไก่ชุดใหญ่ ราคาประมาณ 17,000 – 18,000 วอน จัดไปค่าหนึ่งชุด ได้ปฏิทินกับโปสเตอร์มาอย่างละหนึ่ง โปสเตอร์คุณป้าสุ่มให้ค่ะได้พี่ฝ่า กี๊ซซซ

ระหว่างรอไก่ก็มีป็อปคอร์นมาให้กินเล่นกับเบียร์ (แก้วละ 3,000 วอน) พอไก่มาถึงทางเราก็ได้แต่นั่งอึ้ง เพราะมันเยอะมาก ดูจากรูปอาจจะไม่รู้สึกว่าเยอะ แต่ของจริงคือเยอะมาก นับแล้วมี 14 ชิ้น ขนาดชิ้นใหญ่ประมาณ 1.5 เท่าของบอนชอน มันอร่อยมากกก รสชาติดีงาม กินแบบมีซอสก็อร่อยเจ้มจ้น กินแบบจิ้มเกลือก็อร่อยกลมกล่อม แป้งกรอบเบาๆ ฟูๆ สัมผัสได้ว่าอาจุมม่าทอดด้วยความคราฟต์ กินกับเบียร์คือโคตรดี ฟินลืมมม ถึงไม่ติ่งก็คุ้มค่าแก่การมากินนะ เสียดายรู้งี้น่าจะพาเพื่อนมาช่วยหารค่าไก่ สรุปกินไม่หมด ห่อเอาไปกินกับมาม่าที่โฮสเทลมีให้ฟรีได้อีกสามมื้อ

Yo-Hi

ถ้าจะเก็บแค่แพ็กเกจขนมและน้ำโยเกิร์ตเจือจางที่มีหน้า Wanna One อันนี้หาไม่ยากค่ะ มีขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เข้าร้านไหนก็เจอ แต่เท่าที่ถามดูร้านส่วนใหญ่ไม่มีโปสเตอร์เป็นของแถมแล้ว อาจเพราะเรามาตามหาตอนที่ตลาดเริ่มวาย เขาออกโปรโมชั่นมาตั้งนานนม

แต่ถ้าถามว่าท้อมั้ย ฉันบอกเลยว่าไม่ เราจึงมุ่งไปที่ Lotte Mart ด้วยความหวัง วิธีเดินทางคือนั่งรถไฟลง Seoul Station ทางออก 1

Lotte Mart เป็นแหล่งซื้อของฝากยอดนิยมของคนต่างชาติ เขาจะมีมุมให้แพ็กของใส่ลังสำหรับโหลดขึ้นเครื่องและสามารถยื่นพาสปอร์ตทำ Tax Refund ตอนจ่ายเงินได้เลย มีจุดบริการรับฝากสัมภาระด้วย สินค้าเท่าที่สำรวจดูก็ค่อนข้างถูกกว่าที่อื่น โดยเฉพาะของที่เป็นแบรนด์ Lotte ซึ่ง Yo-Hi เป็นเหนึ่งในนั้นค่ะ

เก็บเมมเบอร์มาได้ไม่ครบ คนที่ไม่ซื้อไม่ใช่ไม่รักน้า แต่ของมันหมดพอดีจ้า

ก่อนช้อปเราเดินไปถามที่แผนกบริการลูกค้าว่ายังมีโปสเตอร์ Wanna One มั้ย แล้วต้องซื้อกี่หมื่นกี่พันวอนถึงจะได้โปสเตอร์ ก็ได้รับคำตอบมาว่า ซื้อน้ำ Yo-Hi ครบ 7,000 วอน ได้โปสเตอร์ของน้ำ 1 แผ่น ส่วนขนมต้องซื้อให้ครบ 10,000 วอน ขนมมีหลายแบบสามารถซื้อรวมๆ กันได้

น้ำที่นี่ขายถูกมากกก ขวดละ 980 วอน ซูเปอร์มาร์เก็ตอื่นที่เราซื้อกินก่อนหน้านี้ขาย 1,700 วอน แต่ความผีเล็กๆ น้อยๆ คือ 980 x 7 = 6,860 วอน ยังไม่ได้โปสเตอร์จ้ะ ขาดไป 140 วอน ฉะนั้น ต้องซื้อ 8 ขวดนะจ๊ะ เราเลยกดไป 15 ขวดเลยค่ะ 980 x 15 = 14,700 วอน เสียสติมากกก ตอนช้อปมีน้องสายติ่งอีกคนไปด้วยกันค่ะ (เพิ่งนัดเจอกันทีหลังตอนที่เพื่อนไม่ติ่งของเรากลับไทยไปแล้ว) ไม่มีใครห้ามใครทั้งนั้น คุ้มๆๆ ได้โปสเตอร์สองใบ กดเลยๆ เอาให้เต็มเหนี่ยว 

รสชาติประมาณโยเกิร์ตละลายน้ำเปล่าค่ะ น้ำหนักขวดละประมาณครึ่งโล ทีแรกกะจะเทน้ำทิ้งแล้วเอาแต่ขวดเปล่ากลับไทย แต่ไหนๆ ก็ซื้อน้ำหนักกระเป๋าแล้ว แบกน้ำกลับมาด้วยก็ได้ฟะ 

รอบแรกที่เราไปขนม Yo-Hi ไม่มีกล่องที่เป็นหน้าเมนเลย เราเลยกลับมาซื้ออีกรอบในวันถัดไปก่อนขึ้นเครื่องกลับไทย แครกเกอร์แบบกล่องด้านในจะมี 6 ห่อเล็ก ห่อละ 6 ชิ้น ราคา 3,580 วอน ร้านข้างนอกที่เจอขายอยู่ 4,100 วอนค่ะ ส่วนที่เป็นครีมรสชาติออกหวานๆ มันๆ ไม่มีความเป็นโยเกิร์ตสักเท่าไร 

ส่วนแบบซอง 1,580 วอน ที่เป็นเวเฟอร์ ครีมจะหวานอมเปรี้ยวนิดๆ มีความเป็นโยเกิร์ตมากกว่า เป็นขนมที่ไม่ได้แย่ค่ะ แต่พูดตรงๆ ถ้าไม่มีหน้า Wanna One บนแพ็กเกจก็คงไม่ซื้อ ขนมเกาหลีมันมีอย่างอื่นที่อร่อยกว่าเยอะอ่ะ 55 เช่น พวกป็อกกี้ของล็อตเต้ วาฟเฟิลกรอบยี่ห้อคราวน์

มาม่าเผ็ดที่น้องๆ กินกันในรายการ Wanna One Go Zero Base ก็มีขายที่ Lotte Mart ถ้วยละ 1,280 วอน เป็นแบบแห้ง อร่อยดี เค็มๆ หวานๆ หอมกลิ่นเครื่องแกง และแน่นอนว่าเผ็ดมากกก!! ตอนดูในรายการก็สงสัยว่าจะเผ็ดขนาดไหนกันเชียว ปรากฏว่าเผ็ดเหมือนมีภูเขาไฟระเบิดอยู่ในปากจริงๆ จ้า ปากเบิร์น น้ำตาไหลเลยทีเดียว มันเผ็ดคนละแบบกับมาม่าต้มยำกุ้งนะ อันนี้ออกแนวเผ็ดร้อนแสบปากแบบเผ็ดพริกไทย เป็นอาหารที่เหมาะจะอยู่ในรายการวาไรตี้จริงๆ 55

จีฮุนผู้เผ็ดจนน้ำหูน้ำตาไหลแต่ก็ยังกินซ้ำ หนูลูกกกกก

เผ็ดจนต้องใช้ไชเท้าดองเป็นตัวช่วย

ร้านขายซีดีใต้ดินสถานีเมียงดง

ถ้าซื้ออัลบั้มควรจะต้องได้โปสเตอร์นะคะ อย่าลืมถามก่อนซื้อ ยกเว้นว่าอัลบั้มเก่ามากของอาจจะหมด ร้านที่อยู่บริเวณสถานีเมียงดงราคาจะถูกกว่าพวกร้านใหญ่ๆ เล็กน้อย แต่จะไม่นับเข้าชาร์จการจัดอันดับทั้งหลายแหล่ เท่าที่เคยอ่านเจอมา ร้านที่นับเข้าชาร์จก็มีสองแบบ คือบางร้านนับเข้าทั้งชาร์จเพลงและชาร์จปลายปี แต่บางร้านนับเข้าเฉพาะชาร์จเพลง อันนี้ยังไม่ค่อยมีความรู้เท่าไรเหมือนกันค่ะ กำลังศึกษา

ทีแรกกะว่าจะสำรวจทั้งร้านตรงสถานีรถไฟและแวะไปดูพวกร้านที่นับชาร์จด้วย แต่เวลาไม่พอประกอบกับเหนื่อยมากไม่ไหวแล้วจ้า เลยติดไว้ก่อนเดี๋ยวคราวหน้าค่อยมาใหม่

Lens Nine

อันนี้เราไม่ได้ซื้อค่ะ เพราะปกติไม่ใส่คอนแทคเลนส์สี อีกอย่างคือค่าสายตาสองข้างไม่เท่ากันด้วย ถ้าซื้อก็ต้องจัดสองคู่ คู่ละ 25,000 วอน รวมแล้วตกประมาณ 1,500 บาท ซื้อซอฟต์เลนส์ที่ใส่อยู่ประจำได้สิบคู่เลยจ้า แต่จริงๆ ก็เป็นเซ็ตที่คุ้มนะ เพราะได้ทั้งโปสเตอร์กลุ่ม โปสเตอร์ยูนิต โปสเตอร์เดี่ยว โปสการ์ดเดี่ยว

ร้านขายคอนแทคเลนส์หาไม่ยากค่ะ มีอยู่ทั่วไป อย่างสาขานี้ที่เราถ่ายมาอยู่ที่ฮงแด ใจกลางย่านชอปปิ้งเลย

ร้านขายสินค้าออฟฟิเชียล

ช่วงวันที่ 15-17 ธันวาคม หน้างาน Premier Fan-Con มีขายสินค้าออฟฟิเชียลล็อตใหม่ แต่เราอยู่ไม่ถึง เลยได้แต่แบกใจช้ำๆ ไปตามช้อปที่มีสินค้าเก่าขายอยู่กะหร็อมกะแหร็ม

MYCT ตึก CJ E&M CENTER

ช่วงที่รายการ Produce 101 ซีซั่น 2 ออนแอร์ ทั้งร้านเล่นใหญ่ตกแต่งเป็นธีมรายการเลยค่ะ

ตอนนี้เหลือแค่มุมขายของนิดๆ หน่อยๆ ถ้ามีเวลาว่างหรือผ่านมาย่านนี้พอดี จะแวะมาเดินดูเล่นๆ ก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้มีเวลาเยอะ ไปที่สาขา Lotte young plaza ก็มีของพอๆ กันค่ะ

ข้างๆ ร้าน MYCT เป็นร้านกาแฟ ตอนที่เราไป จู่ๆ ก็มีแก๊งวัยรุ่นต่างชาติวิ่งกระหืดกระหอบมาขอถ่ายรูปกับดาราที่นั่งคุยงานในร้านกาแฟ คาดว่าน่าจะเช็กข่าวมาจากโซเชียลแล้วรีบพุ่งตัวมา พอถ่ายเสร็จก็กลับ จบ.

ตึก CJ E&M CENTER อยู่ในย่านซังอัม ถ้ามาจากรถไฟใต้ดินให้ลงสถานี Digital Media City ทางออก 9 แล้วเดินออกกำลังกายอีกนิดหน่อย เราเลือกนั่งรถเมล์มาจากฮงแดค่ะ ลงหน้าตึกเลยสะดวกดี โซนนี้จะมีสตูดิโออัดรายการของหลายๆ ช่องกระจุกรวมกันอยู่ เช่น Mnet, MBC, SBS

แถมข้อมูลเพิ่มเติม ร้านหมูย่างที่หนุ่มๆ กินในรายการ Wanna One Go ก็อยู่ที่ย่านซังอัม สถานี Digital Media City ทางออก 9 เหมือนกันค่ะ ห่างจาก CJ E&M CENTER ประมาณ 500 เมตร พิกัดร้าน 8-3 Sangam-dong, Mapo-gu / 서울 마포구 상암동 8-3 ร้านหมูย่างยังไม่ได้ลองแวะไป เพราะมีนัดเพื่อนดวลโซจูที่ฮงแด เลยแวะมาแค่ร้าน MYCT แล้วก็รีบกลับไปฮงแดค่ะ

MYCT ห้าง Lotte young plaza

สินค้าไม่ต่างจากสาขาที่ตึก CJ E&M CENTER บางอย่างก็เอามาจัดเป็นเซ็ตลดราคา

สถานีรถไฟที่เชื่อมกับตัวห้างคือ Euljiro 1(il)-ga ทางออก 7 หรือจะเดินจากสถานี Myeong-dong ทางออก 7 ก็ได้

ใกล้ๆ กันจะมีป็อปอัพสโตร์ของ SM ความดีงามของสโตร์นี้คือมีกระบอกใส่โปสเตอร์ขายในราคา 2,200 วอนค่ะ ถ้าใครไม่ได้พกมาจากไทยก็แวะไปซื้อได้ ขอบคุณน้องมนสำหรับลายแทงจ้า ไม่งั้นเราคงต้องประคับประคองโปสเตอร์ 8 แผ่นขึ้นเครื่องกลับไทยด้วยใจระทึก

ฟริ้งงงง~ โปสเตอร์ทั้งหมดที่กวาดมาได้ในทริปนี้ค่ะ

นอกจากซื้อของนู่นนี่แล้ว ตอนแพลนทริปก็พยายามศึกษาว่าการไปติ่งที่เกาหลีต้องทำอะไรบ้าง พบว่าคนส่วนใหญ่เขาไปดักรอเจอศิลปินที่หน้าสตูดิโออัดรายการเพลงกัน โดยโอกาสที่จะได้เจอวงที่ชอบก็คือต้องมาช่วงคัมแบ็ก (ช่วงที่มีการปล่อยเพลงใหม่และวางขายอัลบั้ม) ซึ่งศิลปินจะเดินสายโปรโมตตามรายการเพลงต่างๆ ประมาณ 2-4 สัปดาห์ 

ตอนที่เราไปไม่ตรงกับช่วงที่ Wanna One คัมแบ็ก เลยแวะไปสำรวจเล่นๆ เก็บบรรยากาศ เผื่อครั้งหน้ากลับมาใหม่ค่ะ

Music Bank

ส่วนใหญ่คนจะแนะนำให้ไป Music Bank เพราะเดินทางสะดวกและมีการจัดสรรพื้นที่ให้แฟนคลับยืนรอ มีโอกาสเจอศิลปินมากที่สุด ต่างจากบางสตูดิโอที่รถศิลปินขับเข้าไปจอดใต้ตึกทำให้มีโอกาสเจอน้อย การเดินทางไป Music Bank ง่ายสุดคือนั่งรถไฟมาลงสถานี National Assembly ทางออก 4 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

ทางเดินไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยค่ะ แต่มนุษย์ขี้หลงอย่างเรางงนิดหน่อยเพราะมันมืดมาก ไปคนเดียวด้วย เลยนั่งรอแถวทางออกรถไฟใต้ดินแป๊บนึง พอเห็นผู้หญิงเกาหลีสะพายกล้องเลนส์ยาวๆ ผ่านมา ก็เดินตามเขาไป

ศิลปินจะเริ่มเดินเข้าตั้งแต่ 6-7 โมงเช้า ถ้ากะจะอยู่เฝ้าทั้งวัน เพื่อรอเจอตอนศิลปินพักและตอนกลับอีกรอบ ควรเตรียมน้ำและเสบียงอาหารไปด้วย แต่ตอนนั้นเราไปแค่แป๊บเดียวเพราะนัดเพื่อนไว้ว่าสิบโมงจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ

เรามาถึงประมาณ 6.30 น. มืดและหนาวมาก อุณหภูมิติดลบสิบกว่าองศา น้ำมูกย้อยตลอดเวลา ยืนไปสักครึ่งชั่วโมงได้ถึงจะเริ่มมีรถศิลปินมาจอดเทียบ สังเกตว่าช่วงประมาณ 8-9 โมง ศิลปินจะค่อนข้างมาถี่ขึ้นแบบติดๆ กัน ถ้าไม่ได้ตามวงไหนเป็นพิเศษ แค่มาเก็บบรรยากาศ จริงๆ มาถึงสัก 8 โมงก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เหนื่อยเกินไป

ทั้งหมดที่ถ่ายมารู้จักสองคนคือแซมกับจูฮักนยอน มีสกิลการติ่งน้อยมากจริงๆ ค่ะ

ถ้าจะเข้าชมการอัดรายการด้วย ต้องลองศึกษาเงื่อนไขของแต่ละวงดู มีคนไทยรีวิวไว้เยอะเหมือนกันค่ะ อันนี้ไม่เคยมีประสบการณ์ เลยยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้

มีข้อสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับการรอถ่ายรูปที่ Music Bank คือตอนที่ไป เรายืนอยู่ตรงจุดที่รถศิลปินมาจอด แล้วพอลงจากรถเขาก็จะยืนรอแป๊บนึงก่อนทยอยเดินเข้าไปถ่ายรูป

แล้วก็จะมีอีกโซนที่ต้องผ่านการตรวจบัตรถึงจะเข้าไปได้ คือตรงที่วงสีส้ม ซึ่งน่าจะเป็นพื้นที่ที่กันไว้สำหรับช่างภาพจากสำนักข่าว แต่เราเหมือนจะเคยเห็นรีวิวคนไทยที่เข้าไปยืนแถวๆ ส่วนที่เราวงสีน้ำเงินไว้อ่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าตรงนั้นเข้าได้เฉพาะสำนักข่าวหรือแฟนคลับก็ไปยืนได้ ถ้าใครพอทราบรบกวนช่วยบอกบุญทีนะคะ

นอกนั้นก็เป็นการติ่งแบบยิบย่อยค่ะ เดินเจอป้าย Wanna One ก็ถ่ายไว้ดูเล่น

มีกาชาปองให้หมุนเล่นขำๆ ด้วย 5,000 วอน ก็แค่ประมาณ 15 บาท เจาะตลาดวอนนาเบิลประถมวัย

ช่วงที่ไปเป็นเดือนเกิดของคังแดเนียลพอดี มีป้ายอวยพรวันเกิดเยอะเลยค่ะ

แล้วก็มีไปเดินห้าง Hyundai Department store สาขา Sinchon ชั้น B1 จะมีป็อปอัพสโตร์ที่หมุนเวียนเปลี่ยนธีมไปเรื่อยๆ ตอนที่รายการ Produce 101 ซีซั่น 2 ออกอากาศ ตรงนี้เคยเป็นป็อปอัพสโตร์ของปะดิ๊วมาก่อนค่ะ ตอนนี้เป็นรายการอื่นแล้ว การเดินทาง นั่งรถไฟใต้ดินมาลง Sinchon ออกทางออก 1 ก็จะเห็นห้างเลยค่ะ

สินค้า The Spring Home ที่เป็นสปอนเซอร์ชุดเครื่องนอนและตุ๊กตาใน Zero Base ก็มีขายที่ Hyundai Department Store ด้วยเหมือนกัน

คุณแดนเป็นพรีเซนเตอร์ด้วยค่ะ เพิ่มความน่าซื้อไปอีก 200%

น้ำหอมที่ Wanna One เป็นพรีเซนเตอร์ ร่ำลือกันว่ากลิ่นเหมือนผงซักฟอก ขายอยู่ใน OLIVE YOUNG เป็นร้านรวมเครื่องสำอางหลายๆ แบรนด์มีสาขาอยู่ทั่วไป

ผ่านร้านน้ำ ร้านขนม เจอของกินที่เคยอ่านเจอในแฟนแอคว่าน้องแดฮวีชอบกินก็สอยมาสักหน่อย

Turtle Chips ขนมที่น้องฮวีเคยตอบไว้ในแฟนไซน์ว่า “ปกติไม่ค่อยกินขนม แต่ถ้ากินก็ชอบอันนี้” น้องว่าดีพี่ก็ว่าดีจ้ะ ซื้อรสซุปข้าวโพดมา หวานๆ เค็มๆ หอมกลิ่นข้าวโพด บางกรอบเคี้ยวเพลิน ชอบเท็กซ์เจอร์ที่ซ้อนๆ เป็นทรงหลังเต่า เคี้ยวมันเต็มปากเต็มคำดี

ซื้อน้ำกล้วยผสมสตรอว์เบอร์รี่ปั่นมาชิมด้วย อันนี้น้องฮวีก็ชอบ กินไปทรมานไป อุณภูมิหนาวติดลบอ่ะ ใช่เรื่องที่จะมาเดินกินน้ำปั่นเย็นเจี๊ยบป่ะ 555 ร้านนี้อร่อยนะคะ มีสาขากระจายตัวอยู่ทั่วไป ไม่ติ่งก็ชิมได้ค่ะ กินตอนอากาศร้อนๆ คงสดชื่นน่าดู 

รูปจากแฟนแอคที่เล่าว่าเจอน้องเดินถือแก้วของร้าน Juicy

เพี้ยนสุดที่ทำคือนั่งรถไปถ่ายรูปหน้า Jenny House ร้านที่เป็นสไตลิสต์ดูแลทรงผมให้ Wanna One และเซเล็บแถวหน้าของเกาหลีมากมาย ไปทำม้ายยยสติอยู่ไหนนน ตอนดูแผนที่ ลองจิ้มๆ ปักๆ ดูแล้ว เห็นว่ามันอยู่ไม่ไกลจากร้านขายเสื้อผ้าที่ตั้งใจจะไปเท่าไหร่ เลยแว้บมาดูสักหน่อย

ในเว็บไซต์ของร้านมีพิกัดแปะไว้ให้ 16-1 Cheongdam-dong, Gangnam-gu, Seoul สถานีรถไฟที่ใกล้สุดคือ Gangnam-gu office station ต้องเดินเข้าซอยไปประมาณ 600 เมตร ถ้าไปนั่งทำผมก็อาจจะมีโอกาสได้เจอเหมือนกันนะคะ แม้เปอร์เซ็นต์จะน้อยมากถึงมากที่สุด

จาก Jenny House จุดหมายต่อไปของเราก็คือ Acmé de la vie ร้านเสื้อผ้าแนวสตรีทที่เซเล็บเกาหลีใส่กันบ่อยๆ รวมถึงวอนนาวัน คนที่เคยเห็นรูปว่าใส่ก็คือฝ่าบาท คุณอง อูจิน จีฮุน จินยอง แดฮวี แต่คิดว่าคงเป็นแบรนด์โปรดของแดฮวี เพราะน้องใส่บ่อยมาก โดยเฉพาะคอลเลกชั่นเสื้อแขนยาวลายสกรีนรูปหน้าเด็ก

หน้าร้านมีป้ายลด 50% แต่ลดเฉพาะกางเกงค่ะ เราสอยเสื้อหน้าเด็กมาหนึ่งตัว 79,000 วอน ถ้าเป็นแบบมีฮู้ด 109,000 วอน ผ้าจะหนากว่าแบบธรรมดา

ถุงด้านหน้าเป็นลายเซ็นแดฮวี ถุงด้านหลังไม่แน่ใจว่าลายเซ็นใคร

พิกัดร้านคือ 청담동 91-5번지 1층 ยังอยู่ในย่านชองดัมดง (Cheongdam-dong) เช่นเดียวกับ Jenny House ค่ะ ย่านนี้เป็นแหล่งรวมแบรนด์หรูและอยู่ใกล้กับค่ายเพลงหลายแห่ง สองข้างทางของถนนสายหลักเต็มไปด้วยร้านแบรนด์แฟชั่นระดับโลก ส่วนตามซอกซอยก็จะมีร้านของดีไซเนอร์เกาหลีกระจายตัวอยู่หลายแห่ง

แปะรูปที่สมาชิกวง Wanna One ใส่เสื้อผ้านแบรนด์ Acmé de la vie ไว้ให้ดูเล่นค่ะ โอเว่อร์โค้ทที่แดฮวีใส่ในงาน The Musician’Thanks Party’ ก็เป็นของแบรนด์นี้ค่ะ
น้องใส่ ADLV บ่อยมากจริงๆ ทั้งวันพักผ่อน ซ้อมเต้น ไปสนามบิน ออกงาน
อันนี้ทูพัค พัคอูจินในชุดดำและพัคจีฮุนในชุดเหลือง 

ทั้งหมดทั้งมวลที่ไปมาในทริปแรกก็ประมาณนี้ มีคาเฟ่หมา Agapet ที่เป็นโลเคชั่นถ่าย Wanna One Go อีกที่นึง คลิกอ่านได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยค่า 

บทความอื่นๆ ในทริปเดียวกัน

ถ้ามีข้อสงสัยหรืออยากเมาท์มอยเล่นๆ ทักทายมาทางเพจ Around The Girlz หรือทวิตเตอร์ @pondjaa_ ได้น้า 😀


RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST